บ้านปูฯ ปักฐานธุรกิจก๊าซธรรมชาติแหล่งใหญ่ในสหรัฐฯ

20 เม.ย. 2559 | 04:16 น.
อัปเดตล่าสุด :20 เม.ย. 2559 | 15:14 น.
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทฯ เกี่ยวกับกลยุทธ์ใหม่นี้ว่า  บ้านปูฯ ได้ทำการประเมินเชิงลึกถึงแผนการลงทุนมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างมูลค่าระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้วยการสร้างความหลากหลายทางธุรกิจให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งนำเอาทักษะและจุดแข็งต่างๆ ที่มีอยู่มาต่อยอด  ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงต่างๆ และนำหลักของการเติบโตอย่างยั่งยืนมาใช้ให้เหมาะสม ซึ่งทำให้บริษัทฯได้เริ่มต้นก้าวสู่การลงทุนในธุรกิจพลังงานใหม่ๆ  ในขณะที่ธุรกิจพลังงานหลักของบ้านปูฯ ยังคงดำเนินต่อไปอย่างแข็งแกร่ง เราก็จะเริ่มนำธุรกิจพลังงานที่สอดรับกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเข้ามาช่วยสร้างสมดุลด้วย ซึ่งจะเห็นได้จากการที่เราเข้าไปลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น และขณะนี้เราก็ได้เข้าไปเริ่มธุรกิจการผลิตก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดานในสหรัฐอเมริกาแล้ว ทั้งหมด คือ การก้าวเข้าสู่มิติใหม่ของการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจของบ้านปูฯ  การลงทุนเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเราได้ปรับตัวตามแนวทางพลังงานของโลกที่เปลี่ยนแปลง  เราจึงมองเห็นภาพบ้านปูฯ พัฒนาไปเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานอีกรูปแบบหนึ่ง และมีบทบาทผลิตและจัดหาพลังงานอย่างครบวงจร รองรับห่วงโซ่อุปทานจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อเป็นเครื่องรับประกันว่าเราสามารถสร้างอุปทานได้อย่างเพียงพอ  โดยมีการพัฒนาด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และควบคุมการส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด  ขณะที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน

กลยุทธ์ของบ้านปูฯ ครั้งนี้จะนำมาซึ่งการพัฒนาธุรกิจที่สร้างมูลค่าในห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ  สำหรับธุรกิจต้นน้ำ เราจะเน้นลงทุนกิจการก๊าซธรรมชาติจาก Shale Gas ในสหรัฐอเมริกา ส่วนธุรกิจกลางน้ำ บริษัทฯ กำลังพิจารณาการจัดหาเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในกิจการเหมืองถ่านหินของบ้านปูฯ ซึ่งสามารถพัฒนาต่อไปเป็นธุรกิจบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานพลังงานในระดับภูมิภาค และในธุรกิจปลายน้ำ นอกจากลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี HELE ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงแต่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำผ่านบ้านปูเพาเวอร์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือแล้ว บริษัทฯ ยังได้ประเมินศักยภาพของธุรกิจระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ (Smart Energy) ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจการผลิตและบริการด้านพลังงานหลากหลายรูปแบบที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคในพื้นที่ต่างๆ ได้  เช่นธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงระบบจัดเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) และเทคโนโลยีพลังงานอื่นๆ เพื่อที่จะสามารถรองรับความต้องการด้านพลังงานของผู้บริโภคให้ได้ดีที่สุด  ทั้งนี้ แผนธุรกิจและการกำหนดงบประมาณเบื้องต้นสำหรับกลยุทธ์ดังกล่าวจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/2559

นางสมฤดี กล่าวเสริมถึงความสำคัญของการใช้ประสบการณ์และความชำนาญที่บ้านปูฯ มีอยู่ในการขยายกิจการต่อไปในอนาคตว่า “เราจะพัฒนาธุรกิจระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ  โดยต่อยอดจากความรู้ด้านธุรกิจไฟฟ้าที่เราได้สั่งสมมาตลอด  บ้านปูฯ เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกธุรกิจไฟฟ้าในประเทศ และตอนนี้เรากำลังจะสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้น อีกครั้ง  นอกจากนั้นเรายังมีความตั้งใจที่จะพัฒนาความชำนาญในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจถ่านหิน ไม่ว่าจะเป็นโลจิสติกส์ การตลาด ตลอดจนการพัฒนาสินค้า และการขาย เพื่อให้สอดคล้องและก้าวทันกับทิศทางของอุตสาหกรรมโภคภัณฑ์  ส่วนการลงทุนธุรกิจ Shale Gas นี้ ถือเป็นการขยายทักษะและความชำนาญของเราในระดับต้นน้ำเพื่อนำไปสู่แนวทางธุรกิจใหม่  มีการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และเข้าไปลงทุนในภูมิภาคใหม่ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ใน DNAของเรา  ผลการดำเนินงานในอดีตของบ้านปูฯ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของเราในการขยายธุรกิจ ยกตัวอย่างเมื่อสิบปีที่แล้วที่บริษัทฯ เริ่มลงทุนในธุรกิจเหมืองใต้ดินในประเทศจีน โดยที่ยังไม่มีประสบการณ์ด้านเหมืองใต้ดินมากนัก และยังใหม่ต่อการทำธุรกิจในประเทศจีน  แต่มาถึงวันนี้ เรามีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเหมืองใต้ดิน และยังบรรลุขีดความสามารถในการพัฒนาประสิทธิภาพของเหมืองใต้ดินต่างๆ ทั้งในประเทศจีนและออสเตรเลียอีกด้วย

สำหรับความคืบหน้าของธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา  บ้านปูฯ ได้เข้าถือครองสิทธิร้อยละ 29.4 ในสัญญาร่วมสำรวจ (Joint Exploration Agreement: JEA) ที่ Chaffee Corners ซึ่งเป็นแหล่งผลิต Shale Gas ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ ที่ตั้งอยู่ทางแถบตะวันออกเฉียงเหนือของ Marcellus Shale ในรัฐเพนซิลเวเนีย  โดยคิดเป็นมูลค่า 112 ล้านเหรียญสหรัฐ  Marcellus Shale เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดของโลก  สัดส่วนการถือครองปริมาณสำรอง (P1) ของบ้านปูฯ อยู่ที่ 156,000 ล้าน ลูกบาศก์ฟุต  และ มีเป้าการผลิตให้ได้ปริมาณรวมทั้งสิ้น 21 ล้าน ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในปี 2559 เพื่อส่งมอบต่อลูกค้าในประเทศ โดยใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก  ส่วนผู้ร่วมลงทุนและบริหารจัดการการผลิต  คือ บริษัท Talisman Energy ซึ่งถือครองสิทธิร้อยละ 65.4  โดยเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจ Shale Gas ในทวีปอเมริกาที่ผลิตก๊าซจาก Marcellus Shale กว่า 400 ล้าน ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน สำหรับ Marcellus Shale นั้นมีปริมาณก๊าซสำรองที่พิสูจน์แล้วประมาณ  85 ล้านล้าน ลูกบาศก์ฟุต  คิดเป็นสัดส่วนเท่ากับหนึ่งในห้าของการผลิตก๊าซทั้งหมดในประเทศ  ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติใน Marcellus Shale มีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนขนส่งที่ต่ำ และตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับตลาดที่มีความต้องการใช้พลังงานสูง ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา

สำหรับการพัฒนาก้าวที่สำคัญของบริษัทฯ ในครั้งนี้  บ้านปูฯ ได้แต่งตั้งนายอนนต์  สิริแสงทักษิณ อดีตผู้บริหารบริษัทพลังงานชั้นนำ เป็นกรรมการบริหารและที่ปรึกษา เพื่อนำประสบการณ์กว่าสามทศวรรษในการบริหารธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาขับเคลื่อนกลยุทธ์ใหม่ของบริษัทฯ ให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง  โดยได้รับการอนุมัติในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“โดยภาพรวม ขณะที่เรามองว่าธุรกิจถ่านหินจะยังสร้างมูลค่าจากการเติบโตได้อีกมาก  เราก็เริ่มการลงทุนเพิ่มในธุรกิจก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น  ที่สำคัญ เรามีการกระจายความเสี่ยงเชิงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ในการลงทุน  ด้วยการเข้าไปปักธงธุรกิจในสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างสมดุลให้กับกิจการต่างๆ ของบ้านปูฯ ที่กระจายตัวอยู่แล้วในภูมิภาคเอเชีย ก่อนการบรรลุข้อตกลงทางธุรกิจนี้ ตลอดสองปีที่ผ่านมาเราได้ทำ due diligence ตรวจสอบวิเคราะห์สถานะธุรกิจและอุตสาหกรรมอย่างถี่ถ้วน  จึงมั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้มีความเสี่ยงต่ำ เพราะเรามีปริมาณก๊าซสำรองที่มีการพิสูจน์และดำเนินการผลิตแล้ว  มีตลาดที่มีการเติบโตสูง  มีกฎระเบียบของรัฐบาลที่เอื้อต่อการดำเนินกิจการ  มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเชี่ยวชาญทั้งในด้านการบริหารจัดการและด้านการลงทุน  อีกทั้งมีโอกาสรับการถ่ายทอดข้อมูลและความรู้ความชำนาญได้อย่างเต็มที่  และเรายังมีสัญญาที่แน่นอนในการรับซื้อก๊าซธรรมชาติจากตลาดในประเทศด้วย  นอกจากนี้ ภาวะราคาน้ำมันและก๊าซที่กำลังปรับตัวลดลงอยู่ ถือเป็นจังหวะที่ดีให้เราได้ลงทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำ และมีแนวโน้มที่จะได้ผลตอบแทนที่สูง   ณ วันนี้ เราได้ก้าวเข้าไปเริ่มการลงทุนธุรกิจการผลิตก๊าซธรรมชาติของสหรัฐอเมริกาในพื้นที่ที่มีศักยภาพอย่างมาร์เซลลัส ซึ่งเอื้อต่อการขยายโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อหรือขายกิจการในตลาดซึ่งมีสภาพคล่องที่ดี และเพื่อให้กลยุทธ์นี้เดินหน้าไปได้อย่างดี เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณอนนต์ ได้ให้เกียรติเข้ามาร่วมบริหารและให้คำปรึกษา ด้วยประสบการณ์และความชำนาญที่จะสร้างคุณค่าให้ธุรกิจนี้ดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน” นางสมฤดีกล่าวปิดท้าย