เคเอฟซี เสริมแกร่งแบรนด์ดิ้งผ่าน‘Always Original’เจาะคนรุ่นใหม่

 

มร.อัลฮูล ซัวฮาน รองประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด – เคเอฟซี บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ และบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด เสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ด้วยดีเอ็นเอ ‘KFC Always Original’ ในแนวคิด “เป็นตัวจริง...เป็นสิ่งที่ดีที่สุด” นับเป็นครั้งแรกตลอด 32 ปีในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เน้นแก่นแท้ของความเป็นตัวตนอันเป็นแบบฉบับของเคเอฟซีผ่านความเป็นออริจินอลของผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ก่อตั้งแบรนด์เคเอฟซีเจ้าของไก่ทอดสูตรต้นตำรับ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กลุ่มเป้าหมาย มั่นใจในการเป็นตัวของตัวเองและเคารพตัวตนของผู้อื่น เน้นนำเสนอการสื่อสารแบรนด์และการตลาดผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์มต่อเนื่องตลอดปี คิดเป็นงบประมาณการสื่อสารการตลาด 30% ที่ทำผ่านช่องออนไลน์

“ด้วยเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ก่อตั้งเคเอฟซีที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อในการคิดค้นไก่ทอดสูตรต้นตำรับแม้ชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรค ถ่ายทอดสู่ความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการพัฒนานวัตกรรมด้านอาหารและบริการที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย ทั้งนี้ เคเอฟซีต้องการเป็นมากกว่าแบรนด์ที่ผู้บริโภคยอมรับในรสชาติและคุณภาพของอาหาร เรายังมุ่งหวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริโภคยุคใหม่ได้แสดงความเป็นตัวของตัวเอง เคารพตัวเองและผู้อื่น กล้าคิด กล้าทำตามฝัน เพื่อให้เกิดทัศนคติในเชิงบวก เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมที่จะช่วยส่งผลต่อการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน เพราะการเป็นตัวจริงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและเป็นพื้นฐานสู่ความสำเร็จในทุกๆ เรื่อง”

ด้านการสื่อสารแก่น ‘KFC Always Original’ นั้น เคเอฟซี ประเทศไทยใช้กลยุทธ์มิวสิคแอนด์ป๊อปอาร์ต เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายอันได้แก่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ได้ดียิ่งขึ้น เพราะกลุ่มเป้าหมายเปิดรับดนตรีและศิลปะมากที่สุด โดยเราเชื่อมั่นว่า ดนตรีและศิลปะเป็นศาสตร์ที่ดีที่สุดศาสตร์หนึ่งของการแสดงออกถึงตัวตนของผู้สร้างงานชิ้นนั้นๆ และยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจต่อให้กับผู้เสพได้อีกด้วย ดังนั้นเคเอฟซีจึงได้มีการนำบทเพลงยอดนิยม “ตัวปลอม” มาเรียบเรียงดนตรีและขับร้องใหม่โดย ‘ลุลา’ และวง ‘โปเตโต้’ ซึ่งผลิตออกเป็นมิวสิควิดีโอ 2 เวอร์ชั่น ตามบุคลิกลักษณะของศิลปินผู้ถ่ายทอดเนื้อหา ซึ่งเน้นนำเสนอแง่คิดในความสำคัญของการเป็นตัวของตัวเอง กำหนดเผยแพร่เป็นครั้งแรกในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ ผ่านยูทูบและเฟซบุ๊ค KFC Thailand รวมถึงช่องทางออนไลน์อื่นๆ ผ่านพาร์ทเนอร์อย่างแกรมมี่และค่ายเพลงของทั้งสองศิลปิน นอกจากนี้เคเอฟซียังได้นำกลุ่มศิลปินวาดภาพประกอบชื่อดัง (Illustration) ได้แก่ จักรกฤษณ์ อนันตกุล, TUNA Dunn, ClubPopp, Benz Tanawat และ Jayoto มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่สื่อความเป็นออริจินัลภายในแบบฉบับของตนเอง เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ค KFC Thailand และสื่อประชาสัมพันธ์นอกบ้านภายในเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมเชิญชวนผู้บริโภคร่วมกิจกรรมแสดงความเป็นตัวจริง ภายใต้แนวคิดนี้ ผ่านแฮชแทค #KFCAlwaysOriginal ที่จะจัดขึ้นตลอดปี

นอกจากนี้ เคเอฟซี ประเทศไทยยังสนับสนุนการแสดงความเป็นตัวตนชัดเจนผ่านการสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ตรงผ่านนวัตกรรมเมนูอาหารที่หลากหลาย ที่นอกจากโดดเด่นด้วยการเป็นสูตรต้นตำรับแล้ว ยังคงคุณภาพ มาตรฐานและความปลอดภัยสูงสุด มีรสชาติอร่อยใหม่ ไม่ซ้ำใคร อาทิ “ชิซซ่า” พิซซ่าไก่กรอบ อาหารว่างสุดสร้างสรรค์ หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่มีดีไซน์ทันสมัย จับกระชับมือ พกพาสะดวก เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ อย่างเมนู “เคเอฟซีไรซ์โบว์ล”  นอกจากนี้ ยังได้ปรับดีไซน์ การบริการ และบรรยากาศภายในร้านที่เน้นให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภครุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น เพื่อต้องการให้ลูกค้าได้มีไลฟ์สไตล์ในแบบของตัวเองขณะที่มาทานอาหารที่ร้าน โดยเริ่มที่เคเอฟซี สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ซึ่งมีการให้บริการไวไฟอีกด้วย เคเอฟซีมีแผนในการทยอยปรับโฉมสาขาอื่นๆ รวมถึงร้านที่สร้างใหม่จนครบทั่วประเทศ  และตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป เรานำร่องบริการอินเทอร์เน็ตไวไฟฟรีในเคเอฟซีสาขาในกรุงเทพฯ และตัวเมืองขอนแก่นกว่า 100 สาขา ก่อนขยายบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้

“การคงความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนในประเทศและเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคของเคเอฟซีเกิดจากประสบการณ์ของการเป็นตัวจริงที่สั่งสมมาตั้งแต่ผู้ก่อตั้งสู่พนักงานและทีมงานเคเอฟซี ประเทศไทย รวมถึงการเป็นแบรนด์ที่เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้บริโภคและพร้อมปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการอย่างสม่ำเสมอ ผ่านผู้บริโภคที่มาใช้บริการที่ร้านและผ่านสมาชิกของเฟซบุ๊คเคเอฟซี ประเทศไทยที่แอ๊คทีฟอยู่กว่า 2.8 ล้านคน เราหวังว่าภายใต้แนวคิด ‘KFC Always Original’ นี้จะช่วยให้คนไทยค้นพบศักยภาพและตัวตนที่แท้จริงเพื่อผลักดันให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น” มร. อัลฮูล ซัวฮาน กล่าวปิดท้าย