ส่งออกรายใหญ่ โชว์ตัวเลขปี 59 วืดเป้า “ซีแวลู”เจอวัตถุดิบทูน่าขาด ราคาพุ่งทุบยอดเดือนสุดท้าย ปี 60 คงเป้าเท่าปีนี้ ด้าน “ฉวีวรรณกรุ๊ป” เจอพิษศก.-ค่าเงินยุโรปทำรายได้-กำไรหด แผนปีหน้ารุกตลาดไก่เอเชียแทนอียู “โอเรียนตอลการ์เมนท์”เข้าวินยอดโต 20% ผวานโยบายทรัมป์ เป้าปีไก่ไม่โต
นายอมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มซีแวลู ผู้ผลิตและส่งออกปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงยอดขายของกลุ่มในปี 2559 ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท คาดจะพลาดเป้าหมายเล็กน้อย โดยจะอยู่ระดับกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท มีปัจจัยสำคัญจากราคาวัตถุดิบปลาทูน่าในเดือนธันวาคมที่นำเข้าจากต่างประเทศราคาปรับขึ้นเร็วและแรง โดยล่าสุดราคาเฉลี่ยที่ 1,550 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน จากช่วงเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายนราคาทรงตัวเฉลี่ยที่ 1,400-1,450 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน
“การจับปลาทูน่าของโลกช่วงนี้ไม่ดี มีปลาเข้ามาน้อย ผิดจากที่คาดไว้ เพราะปกติทุกปีที่ผ่านมาการจับปลาทูน่าในเดือนธันวาคม-มกราคมจะทำได้ดี มีผลทำให้ปลาขาดแคลน และราคาปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิต และราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น คู่ค้าชะลอการนำเข้า คาดจะมีผลถึงยอดขายของเราพลาดเป้าเล็กน้อย แต่ก็ถืออยู่ระดับที่น่าพอใจ”
สำหรับในปี 2560 เบื้องต้นทางกลุ่มได้ตั้งเป้าหมายยอดขายทั้งปีไว้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมองว่ายังมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกในภาพรวมยังไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่ควร การบริโภคคงไม่เพิ่มไปมากกว่าในปีนี้มาก และสถานการณ์ราคาปลาทูน่าที่ใช้เป็นวัตถุดิบยังมีความผันผวน ทั้งเรื่องปริมาณ และราคา ขณะที่น้ำมันโลกขาขึ้น คาดจะส่งผลให้สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นตาม ซึ่งจะส่งผลให้ทูน่าในน้ำมันพืชชนิดต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น
[caption id="attachment_120157" align="aligncenter" width="334"]
นางฉวีวรรณ คำพา[/caption]
นางฉวีวรรณ คำพา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ หนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกสินค้าไก่รายใหญ่กล่าวว่า ผลประกอบการ และผลกำไรของเครือในปี 2559 ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ จากราคาสินค้าส่งออกที่ไม่ค่อยดี เฉพาะอย่างยิ่งตลาดยุโรป ซึ่งเป็นตลาดส่งออกของเครือสัดส่วนประมาณ 50% เศรษฐกิจในภาพรวมไม่ดี ลูกค้าต่อราคาลดลงมาก ขณะที่ค่าเงินยูโรของยุโรป และค่าเงินปอนด์ของอังกฤษ ก็อ่อนค่าลงมาก แลกกลับมาเป็นเงินบาทได้น้อยลง
สำหรับในปี 2560 ที่จะมาถึง เบื้องต้นทางกลุ่มคาดสถานการณ์ส่งออกสินค้าไก่ของบริษัทและของประเทศไทยในภาพรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น มีปัจจัยบวกจากเวลานี้ได้เกิดไข้หวัดนกระบาดในหลายประเทศของยุโรป(ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ โรมาเนีย เยอรมนี) รวมถึงในญี่ปุ่น ซึ่งอาจะมีผลให้ประเทศเหล่านี้หันมานำเข้าสินค้าไก่จากไทยเพิ่ม แต่ทั้งนี้ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากค่าเงินบาทและค่าเงินของประเทศคู่ค้าที่จะยังมีความผันผวน
“ยอดขายในปีหน้ายังไม้แน่นอน และเพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดยุโรป ทางกลุ่มได้หันมาทำตลาดไก่แปรรูป(ไก่สุก) และไก่สดแช่แข็งในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น สัดส่วนเพิ่มเป็น 30% จากก่อนหน้านี้มีสัดส่วน 20% และในปี 2560 อยากให้ถึง 40% เพราะขายให้ญี่ปุ่นยังพอมีกำไร รวมถึงได้ขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ เช่น จีน กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ซึ่งในปี 2560 จะขยายการส่งออกไปยังตลาดเหล่านี้ให้มากขึ้น”
[caption id="attachment_120158" align="aligncenter" width="334"]
นายชวลิต นิ่มลออ[/caption]
ขณะที่นายชวลิต นิ่มลออ ประธานกรรมการ กลุ่มโอเรียนตอลการ์เม้นท์ กล่าวว่า ยอดขายของกลุ่มในปี 2559 คาดจะทำได้ที่ประมาณ 600 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากในปีก่อน 20% โดยในส่วนยอดขายที่เพิ่มขึ้น 20% นี้มาจากโรงงานของกลุ่มในเวียดนามเป็นหลัก ส่วนโรงงานในไทย(สัดส่วน 35-40% ของยอดขาย)มียอดขายใกล้เคียงเดิม
ส่วนในปี 2560 ทางกลุ่มตั้งเป้ายอดส่งออกที่ 600 ล้านบาทเท่ากับยอดขายในปีนี้ เป็นผลจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะถอนสหรัฐฯออกจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือทีพีพีที่มีเวียดนามเป็น 1 ใน 12 ประเทศสมาชิก ทำให้เวลานี้ลูกค้าในสหรัฐฯเกิดความลังเลและชะลอการสั่งซื้อ จนกว่าจะมีความชัดเจนว่าหลังนายทรัมป์เข้าสาบานตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้วจะมีการกลับลำในเรื่องทีพีพีหรือไม่
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,218 วันที่ 15-17 ธันวาคม 2559