โรคหลอดเลือดในสมอง

15 ธ.ค. 2566 | 22:08 น.

โรคหลอดเลือดในสมอง คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้พบเจอแต่ข่าวว่าญาติคนนั้นแม่คนนี้ เป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบบ้างแตกบ้าง บางท่านก็สามารถฟื้นคืนสภาพมาได้ แต่ก็ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ บางท่านก็ล้มหมอนนอนเสื่อไปเลย หรือบางท่านก็เข้าขั้นโคม่าไปแล้ว จนกระทั่งแพทย์ต้องให้ญาติๆ ตัดสินใจว่า จะให้ผ่าตัดหรือไม่? 

ซึ่งในลักษณะนี้ ในความคิดเห็นของผม ถ้าผู้ป่วยเป็นผู้ที่อายุไม่มาก ก็ควรจะได้รับการผ่าตัด แต่บางท่านที่อายุมากๆ ผมก็คิดเหมือนกับที่ท่านคิดนั่นแหละครับ......ผ่าตัดฟื้นขึ้นมาก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายอีกมหาศาล หรืออาจจะเป็นการทรมานผู้ป่วยก็เป็นไปได้ครับ ดังนั้นญาติๆ ต้องตัดสินใจเอาเอง เพราะสังคมไทย เป็นสังคมที่เต็มเปี่ยมด้วยความ “กตัญญู” เราคนนอกไปพูดมากๆ ก็ไม่ได้ ลูกหลานเท่านั้นจึงจะเป็นผู้ตัดสินใจครับ

รายแรกที่ผมเจอ ก็เป็นคุณพ่อของเพื่อนสนิทท่านหนึ่ง อายุท่านก็มากถึงแปดสิบกว่าปี ถ้าในสังคมบ้านเรา ก็ถือว่าอายุยืนมากอยู่พอควรแล้ว อยู่ๆ ท่านก็มีอาการหน้ามืดและล้มลง ลูกๆนำส่งโรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่า หลอดเลือดในสมองแตกเรียบร้อย เพื่อนผมก็มีฐานะปานกลาง แต่พี่ๆ น้องๆ ไม่ยอมให้ท่านจากไป เลยตัดสินใจให้แพทย์ช่วยเหลือให้ถึงที่สุด สุดท้ายก็ลงเอยด้วยมีดหมอ ท่านต้องนอนโรงพยาบาลอยู่ต่ออีกสองอาทิตย์ หมดเงินไปร่วมหลักล้านบาทแต่ก็ไม่รอดครับ ไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้วครับ
        
รายที่สองเป็นชาวประเทศเพื่อนบ้านฝั่งขวาเรานี่แหละ ท่านนี้เป็นคุณแม่ที่อายุก็ไม่มากเท่าไหร่ ท่านมีลูกหลายคนล้วนอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศส ลูกๆ เหมือนว่าจะต้องทำงานทำการพอสมควร ท่านได้ล้มในห้องน้ำ เส้นหลือดในสมองแตกเช่นกัน ผมมีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง ได้พาญาติๆ และลูกสาวของท่านมาพบผมที่บริษัท เพื่อปรึกษาว่าจะประหยัดเงินได้อย่างไร? สภาพของผู้ป่วยคือตัวคุณแม่ ผมเองก็ยังไม่ได้พบเจอด้วยตนเอง ได้แต่ฟังลูกสาวและญาติๆ ของท่านเล่าให้ฟังว่า 
 

พอท่านล้มได้ประมาณสามชั่วโมงก็ถึงมือแพทย์แล้ว แพทย์ต้องเร่งรีบทำการผ่าตัดช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน สมองได้รับการกระทบกระเทือนก็พอมีเลือดคั่งอยู่บ้าง ทำให้ความจำของท่านเริ่มเลอะเลือน มีอาการจำลูกตนเองไม่ได้ อีกทั้งยังถามหาแต่สามี ทั้งๆ ที่สามีเสียชีวิตไปแล้วหลายปี การที่ลูกสาวมาปรึกษาผม เพราะว่าช่วงนี้อาการท่านเริ่มทรงตัว แต่ต้องอยู่ในอาการเฝ้าระวังอยู่ 

ทุกวันนี้ลูกสาวเริ่มไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลได้ เพราะสามวันคิดเงินทีก็ต้องจ่ายด้วยเลขหกหลัก ผมจึงบอกว่า คงต้องขอดูอาการของคุณผู้ป่วยและพบแพทย์ก่อน เพื่อดูว่าอาการสามารถพักฟื้นที่บ้านได้หรือไม่? หากสามารถทำได้ ผมก็ยินดีรับมาพักฟื้นที่บ้านพักคนวัยเกษียณของผม และเราจะต้องวางโปรแกรมฟื้นฟูให้ เพื่อให้ท่านกลับไปอยู่ที่บ้าน ภายในเวลาอันรวดเร็วให้ได้ 

ซึ่งการวางโปรแกรมฟื้นฟูผู้ที่มีอาการหลอดเลือดในสมองแตก (Stroke) เป็นเรื่องที่ทางผมได้รับมาแล้วหนึ่งท่านที่เป็นชาวไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มาพำนักที่เรามาแล้วเป็นเวลาสามเดือน จากที่นอนมาไม่สามารถพูดจาได้ ปัจจุบันนี้ได้ฟื้นความจำและสามารถเดินเหินได้แล้ว แม้จะเสียค่ารักษาไปเยอะ แต่ก็ยังพูดได้ว่าคุ้มค่าต่อการดูแลรักษาจริงๆ ครับ
      
อีกรายหนึ่งเป็นคุณแม่ของเพื่อนที่สมาคมจีนแห่งหนึ่ง ผมได้รับฟังเพื่อนเล่าถึงอาการของคุณแม่ของเขา เขาได้เล่าว่าพี่ๆ น้องๆ ตัดสินใจว่า จะไม่ฉุดรั้งคุณแม่ไว้แล้ว เพราะท่านอายุ 90 ปีกว่าแล้ว ซึ่งคุณหมอเจ้าของไข้ก็บอกว่าลูกหลานคิดถูกแล้ว ขอเพียงไม่ให้ท่านทรมานหรือเจ็บปวดก็เพียงพอ 

ผมก็ได้แต่แนะนำให้ทำใจเถอะ และได้แนะนำว่าควรทำอย่างไรเมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆ ครับ เพราะผมเชื่อว่าทุกคนย่อมหนีไม่พ้นการเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทุกคน เพียงแต่ลูกหลานหรือคนข้างหลัง คงจะชุลมุนวุ่นวายทำอะไรไม่ถูก เมื่อเจอการจากไปของคนที่ตนเองรักครับ
       
อันที่จริงโรคหลอดเลือดในสมอง เป็นโรคที่ท็อปฮิตอันดับต้นๆ ของโรคร้าย 10 ชนิดที่คนไทยเจอะเจอ ผมคงไม่ต้องเล่าถึงสาเหตุและอาการว่าเป็นอย่างไรนะครับ เพราะเชื่อว่าทุกท่านคงได้รับฟังมาเยอะแล้ว เอาแค่นิดหน่อยว่า โรคนี้จะมีอยู่สองประเภทใหญ่ คือหลอดเลือดในสมองตีบตัน กับหลอดเลือดในสมองแตก ทั้งสองประเภทนี้อันตรายไม่แพ้กัน หากใครประสบพบเจอ ส่วนใหญ่จะเกิดอย่างเฉียบพลันด้วยกันทั้งนั้น 

เมื่อเจอผู้สูงวัยที่เกิดอาการแล้วล้มหัวฟาดพื้น ต้องจำไว้ว่าสิ่งที่จะต้องรีบดำเนินการ คือต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน อย่าปล่อยให้เวลาที่ผู้ป่วยถึงมือแพทย์เกินกว่า 6 ชั่วโมงโดยเด็ดขาด เพราะนั่นคือ “Golden Time” ของผู้ป่วย หากล่วงเลยเวลาดังกล่าวไปแล้ว การรักษาพยาบาล อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ดีอย่างที่เราคาดหวังได้ บางท่านอาจจะโชคดีที่เจอแพทย์เก่งๆ ที่สามารถดึงผู้ป่วยกลับมาได้ แต่อาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว หรือบางท่านที่เปราะบางหรือไม่มีโชค ก็อาจจะอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกันครับ
       
ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนอนิจจังทั้งนั้น ดังนั้นหากพบเจอกับตัวเราเอง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะผู้ป่วย(เพราะเราแก่แล้ว.....) หรืออยู่ในสถานะเป็นผู้ใกล้ชิด ต้องตั้งสติให้ดี อย่าได้ลนลานจนทำอะไรไม่ถูก เพราะนั่นอาจจะเป็นสาเหตุในการสูญเสียชีวิตได้เสมอครับ