รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า สำหรับธุรกิจนอกระบบหรือธุรกิจสีเทา งานวิจัยที่ผ่านมาทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)
พบว่า ธุรกิจนอกระบบคือธุรกิจที่ไม่ได้ถูกบันทึกในบัญชีในประเทศไทย จะมีประมาณ 40% ของ GDP ไทย ซึ่งไทยมี GPD ไทย มูลค่ารวม 19-20 ล้านล้านบาท ธุรกิจนอกระบบจะมีมูลค่ารวม 8 ล้านล้านบาท
โดยธุรกิจนอกระบบจะแบ่งออกเป็น ธุรกิจผิดกฎหมายเกี่ยวกับการพนันออนไลน์และการค้าของเถื่อน ซึ่งเคยมีการวิจัยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ออกมาบอกว่า ในสัดส่วนของ GDP ไทย มีสัดส่วนธุรกิจการพนันอยู่ที่ประมาณ 10% มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท ขณะที่ธุรกิจค้าของเถื่อน ก็คาดว่าจะอยู่ที่ 10% มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท รวมถึงธุรกิจการค้าประเวณี ก็คาดว่าจะอยู่ที่ 10% มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทางม.หอการค้าไทยจะไม่เห็นตัวเลขสถิติที่แน่ชัดเนื่องจากการเก็บสถิติเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แต่ธุรกิจเหล่านี้จะปรากฏชัดเมื่อเทียบเคียงจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ที่ทำให้เห็นว่าธุรกิจพนันออนไลน์เติบโตอย่างมาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีการจดโดเมนต่างประเทศ เราเห็นหน่วยงานของรัฐเข้าไปตรวจจับ ธุรกิจการพนันแบบผิดกฎหมายเกิดขึ้นเยอะ และคาดว่าจะเติบโตสูงด้วยเลข 2 หลัก
ขณะเดียวกัน ม.หอการค้าไทยได้มีการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่คนยังเชื่อมั่นต่ำมากในกรณีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา แสดงให้เห็นว่า ปัญหายาเสพติดยังแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีแนวนโยบายเกี่ยวกับกัญชาเสรี จึงทำให้สถานการณ์ยาเสพติดเจือเข้าไปด้วยกัน บางทีการเข้าไปหายาเสพติดมันจึงแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ทางหน่วยงานของมหาวิทยาลัยก็มีการเฝ้าระวัง เกี่ยวกับยาเสพติดมากขึ้น
ทั้งนี้ ในด้านของทุนจีนสีเทา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คงเร่งติดตามและกับจับตรวจสอบ แต่ที่สังเกตจากข่าวมันจะมีมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าทางการไทยกับทางการจีนก็กำลังร่วมมือหาทาแก้ไขเรื่องนี้อยู่
ด้านนางอรมน อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานกรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับเป้าหมายการตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินีในปี 2567 อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต กรุงเทพ เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี และชลบุรี เป็นต้น ซึ่งจะมีการตรวจสอบเชิงลึกในกลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว ภัตตาคาร นำเที่ยว ให้เช่ารถ โรงแรม รีสอร์ท อสังหาริมทรัพย์
ตอนนี้ได้คัดกรองจำนวนธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินี ออกมาได้ประมาณ 419 ราย และในจำนวนนี้ 313 ราย ได้ขอให้มีการส่งเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมในการตรวจสอบ ส่วนในพื้นที่ภูเก็ตมีจำนวน 59 ราย ที่จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่ในการตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินี
อย่างไรก็ดี การลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินีในปี 2567 กรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมที่จะลงพื้นที่ในการตรวจสอบธุรกิจที่กระทำผิด โดยที่จะเข้าตรวจสอบเชิงลึก เช่น โครงสร้างการถือหุ้น ,ประเภทธุรกิจ ที่มาเงินลงทุน ทั้งนี้ หากพบว่ากระทบ ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 Foreign Business Act มาตรา 36 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ,ปรับ 300,000 บาท ถึง 1 ล้านบาท และหากยังฝ่าฝืนต่อมีโทษปรับวันละ 10,000-50,000 บาทด้วย