พาที สารสิน ชู Really Cool Airlines สายการบินที่มีอินโนเวทีฟมากที่สุดในโลก

06 พ.ย. 2566 | 10:32 น.

พาที สารสิน ชูสายการบินใหม่ Really Cool Airlines สายการบินที่มีอินโนเวทีฟมากที่สุดในโลก พร้อมสยายปีกบินไตรมาสแรกปี 2567 ปูพรมสร้างนวัตกรรมความแตกต่างให้สายการบิน ลั่นไม่แข่งกับการบินไทย มั่นใจโมเดลธุรกิจใหม่ จะทำกำไรได้ใน 2 ปี พร้อมออก IPO ตลาดหุ้น Nasdaq ใน 18 เดือน

วันนี้ (วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566) สายการบิน Really Cool (Really Cool Airlines: RC) สายการบินสตาร์ทอัพสัญชาติไทย ประกาศพร้อมเริ่มให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2567 ตามแผนที่วางไว้

สายการบินวางจุดขายไลฟ์สไตล์ ฟูล เซอร์วิส

นายพาที สารสิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบิน Really Cool กล่าวว่า  สายการบิน Really Cool จะเป็นสายการบินไลฟ์สไตล์ที่ให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ (lifestyle full service) ที่จะเปิดให้บริการอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

พาที สารสิน

“เราประสบความสำเร็จในการเตรียมงานทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการได้รับอนุญาตตามข้อกำหนดระเบียบการบิน การสนับสนุนด้านการปฏิบัติการ การจัดหาเครื่องบิน ความพร้อมด้านเทคโนโลยี และการเปิดรับและฝึกอบรมพนักงาน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ได้ถูกเตรียมพร้อมอย่างสมบูรณ์ ทำให้เราสามารถเริ่มให้บริการตามระยะเวลาอย่างที่ได้วางแผนไว้” นายพาที กล่าว

มั่นใจได้ AOC ม.ค.นี้ เปิดบิน

สายการบิน Really Cool มุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ด้วยการประยุต์ใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสาร โดยคาดว่าจะได้รับใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (Air Operator Certificate: AOC) ซึ่งเป็นใบอนุญาตใช้เครื่องบินเพื่อการพาณิชย์ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ภายในเดือนมกราคม 2567 ที่จะถึงนี้

โดยสายการบิน Really Cool ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ (Air Operating Licence: AOL) เป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นจาก กพท. ในการเปิดบริการสายการบินประเทศไทยไม่มีสายการบินสตาร์ทอัพรายใหม่เปิดให้บริการมาเป็นเวลานานแล้ว เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้

สายการบิน Really Cool

หลังโควิดธุรกิจการบินขาขึ้น

นายพาที กล่าวว่า จังหวะการเปิดตัวของสายการบิน Really Cool ถูกวางไว้ให้สอดคล้องกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ด้วยรายได้และผลกำไรของสายการบินที่พุ่งสูงขึ้นตามการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายการบินหลักทั่วโลก เช่น ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ลุฟท์ฮันซ่า เดลต้าแอร์ไลน์ โคเรียนแอร์ ไชน่าแอร์ไลน์ หรือแม้กระทั้งการบินไทย ซึ่งยังคงอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการ ก็สามารถทำกำไรได้หลังจากที่ประสบภาวะซบเซาทางการเงินมานานกว่าสามปี

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 หลายประเทศได้จำกัดการเดินทางและเข้าสู่มาตรการล็อคดาวน์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะระหว่างปี 2563-2565 ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์โควิดมีความรุนแรง อุตสาหกรรมการบินได้เผชิญกับการสูญเสียรายได้รวมมากกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7.24 ล้านล้านบาท)

จากตัวเลขของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) นายพาที คาดว่าในปี 2566 สายการบินทั่วโลกจะสร้างรายได้สุทธิมากถึง 9,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.55 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากการคาดการณ์ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งเดิมอยู่ที่ที่ 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.7 แสนล้านบาท)  และ IATA คาดว่าจะมีผู้โดยสารทางอากาศมากถึง 4,350 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 ที่มีประมาณ 4,540 ล้านคน

“ความต้องการในการเดินทางทางอากาศ ได้ฟื้นกลับมาในระดับที่สายการบินทั่วโลกต้องรีบเร่งขยายตัวกันอย่างรวดเร็ว” นายพาที กล่าว พร้อมเสริมว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับสายการบินสตาร์ทอัพอย่าง Really Cool

พาที สารสิน

สายการบิน Really Cool เปิดบินมี.ค.2567

สายการบิน Really Cool พร้อมที่จะเริ่มให้บริการเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำในช่วงมีนาคมถึงพฤษภาคมปีหน้า ก่อนที่จะเริ่มให้บริการตามเส้นทางและตารางการบินประจำ โดยจะเริ่มบินในเส้นทางระหว่างประเทศทั้งระยะกลางและระยะไกล จากฐานปฏิบัติการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินนานาชาติหลักของประเทศไทย

สายการบิน Really Cool จะจัดเช่าเครื่องบินชนิดไอพ่นประเภทลำตัวกว้าง รุ่นแอร์บัส A330-300 โดยมีการเจรจาพูดคุยอย่างต่อเนื่องที่จะจัดหาเครื่องบินไอพ่นขนาดใหญ่แบบทางเดินคู่ (Twin-Aisle Jets) ที่ทันสมัยและประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น เช่นเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350 และโบอิ้ง B787 ด้วยเช่นกัน โดยสายการบิน Really Cool จะเริ่มให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส A330-300 เป็นลำดับแรกจำนวน 2 ลำ ก่อนจะเพิ่มเครื่องบินรุ่นเดียวกันขึ้นอีกสองลำในช่วงปลายปี 2567

เริ่มบินเอเชีย สู่จุดหมายในทวีปยุโรป

ในช่วงแรก สายการบิน Really Cool จะเริ่มให้บริการในเส้นทางสู่ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะสนามบินนาริตะ ในเมืองโตเกียว และนาโกยา ในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟล์ตก่อน และจะปรับเป็นเที่ยวบินประจำในเดือนมิ.ย.หรือ ก.ค.นี้ รวมถึงตั้งเป้าที่จะเปิดเส้นทางอื่น ๆ ในทวีปเอเชียเพิ่มเติมอีกภายใน 2 ปีแรก เช่นฮ่องกง สิงคโปร์ และเซี่ยงไฮ้ จอร์เจีย เป็นต้น

สายการบิน Really Cool มีกำหนดการรับเครื่องบินเพิ่มอีก 2 ลำภายในช่วงปลายปีหน้า และจะสามารถขยายเส้นทางการบินสู่ทวีปยุโรปได้ในปี 2568 โดยมุ่งเน้นการขยายเส้นทางสู่เมืองรองต่าง ๆ เช่น สาธารณรัฐจอร์เจีย ซึ่งตั้งอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างทวีปยุโรปและเอเชีย เน้นการใช้เครื่องบินให้ได้อยู่ที่ 13.1 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเครื่องบินจะมีให้บริการทั้งในชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัด

Really Cool Airlines

ยันไม่แข่งกับการบินไทย

สายการบิน Really Cool คาดว่า  70%  ของผู้โดยสารทั้งหมดจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และอีก 30% เป็นกลุ่มผู้โดยสารชาวไทย ซึ่งถือเป็นการร่วมสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งเราไม่ได้แข่งกับการบินไทย แต่จะร่วมเสริมกันในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ด้วยความที่เรามีการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้ราคาขายตั๋วเครื่องบินของสายการบินจะต่ำกว่าการบินไทย 10-12 %

ทำกำไร 2 ปีหลังเปิดบริการ

นายพาที กล่าวต่อว่า จากประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจการบินมานาน และประสบการณ์ที่ได้จากโควิด-19 ทำให้เรารู้ว่าธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่มีความผันผวนมาก และไม่รู้ว่าไครซิสจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นการกลับมาในธุรกิจสายการบินของผมจะไม่ใช่การทำธุรกิจการบินที่เหมือนเดิม เรามีกลยุทธ์และโมเดลในการทำธุรกิจแตกต่างในการสร้างรายได้ให้ธุรกิจอย่างมั่นคง เพื่อรองรับการผันผวนในธุรกิจการบิน เพราะเรารู้ว่าเราจะไม่ใส่ทุกอย่างในตะกร้าใบเดียวแน่นอน เพราะตะกร้าใบเดียวเป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุดโดยเฉพาะสายการบิน เพราะถ้าบินไม่ได้ ก็เจ๊ง

โมเดลการดำเนินธุรกิจของ Really Cool Airlines เราจะไม่ได้ทำแค่ธุรกิจสายการบินที่ดำเนินการโดยบริษัท อาร์ ซี แอร์ไลนส์ จำกัดเท่านั้น แต่เราจะสร้างให้บริษัทอาร์ซี เป็นโฮลดิ้ง คอมพานี ที่ทำโปรดักต์ต่างๆ ที่มาลิงก์กับสายการบิน โดยไม่จำเป็นต้องบินแต่ทำกำไรได้ และกำไรต้องเท่ากับรายได้จากธุรกิจการบินด้วย ไม่ใช่ขายน้ำหนักกระเป๋า ขายประกันภัย เหมือนที่หลายสายการบินขายกันอยู่เป็นรายได้เสริมเล็กๆน้อยๆเหมือนกันหมด

ดังนั้นการดำเนินธุรกิจเราจะทำให้บริษัทอาร์ซี เป็น โกลเบิ้ล คอมพานี ไม่ใช่ โลคัล คอมพานี เราจึงมี บิสิเนส โมเดล ที่จะแบ่งออกเป็น 2 ขา ขาแรกจะเป็น ธุรกิจสายการบิน ส่วนอีกขาจะเป็นการแยกธุรกิจออกมา 3-4 อย่าง เพื่อพัฒนาเป็นโปรดักต์และเซอร์วิส ที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับเอวิเอชั่น( Non-Aero) แต่เราจะมองเห็นโอกาสในการทำกำไร เพื่อสร้างอีโค ซิสเต็ม (ระบบนิเวศ) ในการขายสินค้าและบริการ ที่สามารถซิ้งค์กลับมาทำรายได้ในส่วนของธุรกิจการบิน ที่แม้ไม่ได้บินก็สร้างรายได้ได้ ใช้งบลงทุนราวพันล้านบาท ในช่วงแรกตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจการบินอยู่ที่ 70% และจาก Non-Aero 40% แต่ในอนาคตจะให้อยู่ที่ 50:50

นวัตกรรมที่สร้างความแตกต่างให้สายการบิน

สายการบิน Really Cool มุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการอุตสาหกรรมการบิน โดยผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นนำที่ล้ำสมัย และการให้บริการผู้โดยสารอย่างยอดเยี่ยมเหนือกว่าสายการบินอื่น ๆเราตั้งใจทำให้ สายการบิน Really Cool เป็นสายการบินที่อินโนเวทีฟมากที่สุดในโลก โดยเราทำเรื่องเกี่ยวกับ AI และอินโนเวทีฟเยอะมากเพื่อมาให้บริการลูกค้า วางราคา การซื้อตั๋วเครื่องบิน การทำรายได้ Non Aero  เพื่อคุมให้ต้นทุนต่างๆมีประสิทธิภาพสูงสุด ในการสร้างผลตอบแทนหรือยีลด์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะใช้ AI สูงถึง 20-30 % ในการดำเนินธุรกิจ อาทิ

  • การเปิดให้บริการ Wifi บนเครื่องบิน ซึ่งอาจจะใช้ระบบสตาร์ลิงก์ ของอีลอน มักส์ ซึ่งผู้โดยสารจะสามารถไลฟ์สตรีมยูทูป บนเครื่องบินได้
  • การใช้ระบบช่องทางการจัดจำหน่าย ผ่านระบบ Hit it ซึ่งเป็นระบบที่อยู่ในระบบคราวด์ จะไม่ใช้อะมาดิอุส เพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่า และทำอินเตอร์ไลน์ได้เช่นกัน รวมถึงการหาพันธมิตรสายการบินในประเทศ ในการทำการบินรหัสร่วม (โค้ดแชร์) นำนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านสายการบิน Really Cool  เดินทางเที่ยวในประเทศภายใต้เส้นทางบินในประเทศที่สายการบินต่างๆเปิดให้บริการอยู่
  • สายการบิน Really Cool  จะเป็นสายการบินแรกของโลกที่จัดส่งสัมภาระตั้งแต่ที่พักต้นทางจนถึงจุดหมายปลายทาง door to door หรือประตูถึงประตูเลย โดยลูกค้าสามารถซื้อบริการ ที่นำกระเป๋าจากที่บ้าน แล้วนำส่งไปยังโรงแรมที่จะพักในปลายทางได้ โดยไม่ต้องนำกระเป๋ามาผ่านกระบวนการเช็คอิน ให้ยุ่งยาก
  • การเป็นสายการบินแรกที่ใช้โทเค็น ในการทำซีอาร์เอ็ม ที่ไม่เพียงแต่สะสมโทเค็นในการสะสมไมล์เพื่อแลกตั๋วเครื่องบิน แต่จะมีบริการอื่นๆตามมาอีก ซึ่งเราร่วมทำกับ SCBX
  • การเป็นสายการบินแรกของโลกที่ใช้อวาตาร์ หรือระบบการใช้ AI ใน Chat Bot เพื่อพูดคุยกับผู้โดยสาร เป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวในการบุ๊กกิ้ง จองตั่วเครื่องบิน  และบริการอื่นๆที่ผู้โดยสารต้องการในการใช้บริการสายการบิน ซึ่งสามารถพูดได้ถึง 40 ภาษา
  • การเปิดตัว ‘ReallyCool US Digital Membership’ ซึ่งเป็นโปรแกรมสมาชิกที่ใช้ผ่านแอปพลิเคชันแบบอินเทอร์แอคทีฟ ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ ช่วยให้สมาชิกสามารถปรับแต่งประสบการณ์การบินตามความต้องการได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

“เราไม่ได้เป็นเพียงสายการบินทั่วไป แต่เราคือผู้ที่กำลังปฏิวัติพลิกโฉมอุตสาหกรรมการบิน และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอประสบการณที่แตกต่างนี้ให้แก่ลูกค้า” นายพาที ผู้บริหารสายการบินผู้มากประสบการณ์ กล่าว

สายการบิน Really Cool มุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยการให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์เป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างทางธุรกิจ นายพาที มั่นใจว่าสายการบิน Really Cool มีโมเดลที่จะประสบความสำเร็จได้ แม้ในอุตสาหกรรมการบินที่มีความผันผวนสูง

ทั้งยังเสริมด้วยว่าการก่อตั้ง Really Cool  นั้นเป็นเพียงหนึ่งในธุรกิจภายใต้ บริษัท อาร์ ซี แอร์ไลน์ จำกัด ซึ่งเมื่อแบรนด์ Really Cool ได้ก่อตั้งขึ้นจนได้รับความเชื่อมั่นแล้ว ทางองค์กรมีแผนที่จะนำแบรนด์มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจการบิน หรือรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่เกี่ยวของกับการบิน โดย Really Cool จะร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก  การต่อยอดโมเดลธุรกิจที่หลากหลายนี้ จะช่วยเพิ่มกระแสรายรับจากหลายช่องทาง เพื่อสนับสนุนธุรกิจการบินและกระจายความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสายการบินโดยทั่วไป

“เราอาจได้เห็นแบรนด์ Really Cool ขยายไปสู่กิจการที่น่าตื่นเต้นได้อีกมากมาย โอกาสในการเติบโตนั้นเปรียบเสมือนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไร้ขีดจำกัด อาทิ การร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น ทำ Really Cool Taxi ในสนามบินนิริตะ ที่สายการบินจะเปิดบินเป็นเส้นทางแรก การทำเรื่องแอร์คาร์โก้ร่วมกับพันธมิตรเป็นต้น  เรามั่นใจว่าโมเดลธุรกิจใหม่ จะทำกำไรได้ใน 2 ปี(ปี 2568) พร้อมออก IPO ตลาดหุ้น Nasdaq ใน 18 เดือน” นายพาที กล่าวสรุป