‘รัฐบาล-และคสช’เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อนสายเกินไป

02 เม.ย. 2560 | 06:00 น.
อะไร? กันนักกันหนา!!....หรือว่าหมดหนทางที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้วก็ไม่รู้ นั่งดูรายการคืนความสุขฯ ที่ปรับเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น "ศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน" คืนวันศุกร์ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกในรายการว่า....ห้ามทุกคนบ่นว่า เศรษฐกิจไม่ดี....รวมทั้งอย่าวิพากษ์-วิจารณ์ "รัฐบาล-และคสช." กันให้มากนัก เพราะทำให้ท่านรู้สึกเสียใจและน้อยใจ

ผมก็ว่าประชาชนที่ดูรายการคงจะ "มึน" และคิดเหมือนๆ กันว่า เอ๊ะ!! นี่มันอะไรกัน ก็ไหน?ตอนแรกที่นำคณะทหารก่อ "รัฐประหาร" รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" บอกจะเข้ามาบริหารประเทศด้วยเจตนาที่ดี รวมทั้งจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แล้วทำไม?มากลับลำง่ายๆ ซ่ะยังงั้น เพราะเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ท่านไม่ได้แก้ปัญหาหรือสร้างผลงานอะไร?ให้ประชาชนคนไทยเห็นหรือจับต้องได้กี่?มากน้อย....

จริงๆ ก็ไม่อยากบ่นหรือกระทั่งกล่าวโทษ "คสช.-และรัฐบาล" หรอกนะครับ แต่หากไม่เล่าสถานการณ์ต่างๆ ที่ได้พบเจอมาด้วยตัวเอง ก็เกรงว่าปัญหาต่างๆ จะสุกงอมจนแก้ไขอะไร?ไม่ได้มากกว่า เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช่วงนี้มีโอกาสได้ออกไปพบปะผู้คนและเพื่อนๆ ที่ประกอบสัมมาอาชีพต่างๆ และเชื่อมั๊ยครับ....เจอใคร?พูดคุยกับใคร? ต่างมีสภาพที่ไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย

กล่าวคือ "หน้าแห้ง" มีความทุกข์ยากเหมือนๆ กัน และยังพูดเหมือนกันอีกว่า "จะตายกันหมดทั้งประเทศแล้ว...." เกือบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร?ประกอบธุรกิจอะไร? หรือกระทั่งอยู่ภูมิภาคไหน?ในประเทศไทย ทุกคนต่างประสบปัญหาเศรษฐกิจฝืดกันถ้วนหน้า จะมียกเว้นบ้าง?ก็เฉพาะบางคนที่มีสายป่านยาว และครอบครัวมีฐานะเศรษฐกิจที่มีความมั่นคงมาก่อนเท่านั้น

ประเภทนักสู้ชีวิตที่เพิ่งก้าวเข้ามาในแวดวงธุรกิจนะเหรอ? ส่วนใหญ่ต่างก็ "ม้วนเสื่อ" และประสบปัญหาในธุรกิจที่ริเริ่มทำกันทั้งนั้น ตั้งแต่แม่ค้าขายกล้วยปิ้งกับขายขนมครก แม่ค้าขายลาบหรือขายส้มตำ ตลอดจนภัตตาคารร้านอาหารต่าง ๆ ถ้าไม่ใช่ "ยอดฝีมือ" จริงๆ มีคำจำกัดความสั้นๆ ว่า "รอดยาก....ครับ" แม้ทุกคนต้องกินข้าว แต่ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และกำลังซื้อถดถอยก็ต้องอยู่กันแบบประหยัด

ร้านอาหารปิดและโรงแรมที่ปิดตัวเอง และเห็นตามถนนรนแคม ไม่ได้อยู่บนหิ้งหรือหอคอยงาช้าง เป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจไทยปัจจุบันได้อย่างดี

แม้จะไม่อยากบ่น ไม่อยากวิจารณ์ "คสช.-และรัฐบาล" แต่เมื่อได้รับรู้ "ข้อมูล" เกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ก็อยากจะถือโอกาสเล่าสู่กันฟังตามนี้....

ตัวอย่างกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จากการที่เข้าไปสัมผัสพูดคุยกับเพื่อนๆ น้องๆ ที่ทำธุรกิจประเภทนี้ สาเหตุสำคัญมาจากลูกค้ามีกำลังซื้อน้อยลง บางคนมีกำลังที่สามารถดาวน์บ้านได้แต่กู้ธนาคารไม่ผ่าน โครงการที่ดำเนินการแล้วก็ต้องเสี่ยงสร้างให้เสร็จ โครงการอื่น?ก็ให้ชะลอไว้ก่อน แต่เจ้าของโครงการก็ต้อง "บักโกรก" รับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ เมื่อโครงการหมู่บ้านชะงัก ผู้รับเหมาและคนงานก่อสร้างก็จะว่างงาน

ต่อเนื่องไปถึงร้านขายวัสดุก่อสร้างที่ยอดขายจะลดลงกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าในขณะที่ค่าใช้จ่ายไม่ลดลง แต่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ

แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารที่จำเป็นต้องลดพนักงานกว่าครึ่ง เพื่อรักษากิจการให้อยู่รอด สาเหตุเนื่องจากลูกค้าบางส่วนเปลี่ยนพฤติกรรมไปกินอาหารร้านเล็กๆ หรือร้านข้าวแกงเพื่อประหยัด เพราะไม่รู้ว่า "คสช.และรัฐบาล" จะแก้ปัญหาต่างๆ อย่างไร? ไม่นับรวมบริษัททัวร์และขายตั๋วเครื่องบิน ที่ลูกค้าบอกว่าต้องประหยัด ไม่จำเป็นก็ไม่เดินทางท่องเที่ยว....ธุรกิจประเภทนี้ก็เลยเงียบเหงา

ส่งผลต่อเนื่องไปถึงธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ท ที่เริ่มเงียบเหงาลงไปมาก และบางรีสอร์ทบางแห่งเจ้าของกิจการต้องลงมาทำทุกอย่างเองหมด ขณะที่นักท่องเที่ยวคนไทยที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ก็เดินทางท่องเที่ยวน้อยลง....แค่กลุ่มธุรกิจบางประเภทบางสาขาก็น่าจะเห็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อไปแล้วนะครับ นี่คือ การบ้านที่ "รัฐบาล-และคสช." จะต้องลงไปแก้ไข "เยียวยา" โดยเร่งด่วน

ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น เราคนไทยคุยกันได้อยู่แล้ว อย่ารอจนถึง "ขั้น" ประชาชนทนไม่ได้แล้วพากันออกมาขับไล่เลยนะครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,249 วันที่ 2 - 5 เมษายน พ.ศ. 2560