ปตท.สผ.ยุติลงทุนในอินโดฯ รอคดีแหล่งมอนทาราน้ำมันรั่วจบ

09 พ.ค. 2560 | 12:08 น.
วันที่ 9 พ.ค.60 นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลอินโดนีเซียยื่นฟ้องคดีต่อศาลในกรุงจาการ์ตา เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย7 หมื่นล้านบาท จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทารา ในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2552  ว่า ทราบข่าวเรื่องการฟ้องร้องดังกล่าวแล้ว แต่บริษัทยังไม่ได้รับเอกสารเกี่ยวกับการฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ จึงไม่ทราบรายละเอียดของการยื่นฟ้องครั้งนี้ คาดว่าขณะนี้รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังแปลเอกสารเป็นภาษาไทย เพื่อส่งให้กับบริษัท ขณะเดียวกันบริษัทได้เตรียมความพร้อมในการต่อสู้คดี ซึ่งที่ปรึกษากฎหมายให้ความเห็นในเบื้องต้นว่า การยึดทรัพย์สินของ ปตท.สผ. และบริษัท PTTEP Australasia (PTTEP AA) ไม่สามารถกระทำได้ตามหลักกฎหมาย

นายสมพร กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย มีบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. คือ บริษัท PTTEP Netherlands Holding Corperatie U.A. ดำเนินการโครงการผลิตปิโตรเลียม 1 โครงการ คือ โครงการนาทูน่า ซี เอ โดยถือหุ้นสัดส่วน 11.5% โดยมีปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติ 224 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และน้ำมันดิบ 1,200 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1% ของปริมาณการขายทั้งหมดของ ปตท.สผ. ทั้งนี้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ ปตท.สผ.มีกลยุทธ์เข้าลงทุนต่อเนื่อง แต่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ปตท.สผ.จำเป็นต้องระงับการตัดสินใจการลงทุนในโครงการที่ได้ศึกษาไว้ในปัจจุบันออกไปก่อนจนกว่าจะมีข้อยุติหรือความชัดเจนในเรื่องนี้
“ในส่วนการลงทุนโครงการนาทูน่า ซี เอ ก็เป็นไปตามปกติ แต่วันนี้ ปตท.สผ. ต้องชะลอการลงทุนโครงการเพิ่มเติมหรือโครงการใหม่ในอินโดนีเซียจนกว่าจะมีข้อยุติในเรื่องนี้ ซึ่งโครงการใหม่ บริษัทสนใจลงทุนเข้าซื้อกิจการ(M&A) ที่เป็นโครงการสำรวจอยู่ระหว่างพูดคุยกันมีมากกว่า 1 โครงการก็ระงับไปก่อน ส่วนการลงทุนในภูมิภาคอื่นและประเทศอื่นๆ ดำเนินการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะมีความชัดเจนอย่างน้อย 1 โครงการ ในการดำเนินการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย มาเลเซีย เมียนมา ก็จะเพิ่มน้ำหนักความสำคัญมากขึ้น”นายสมพรกล่าว

นายสมพร กล่าวอีกว่า แม้ว่าที่ผ่านมาทาง PTTEP AA ได้เจรจากับรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อหาข้อยุติและพิสูจน์ความเสียหาย(หากมี)ร่วมกัน แต่ก็ยังไม่ได้ลงนาม เพราะมีข้อตกลงบางอย่างที่ยอมรับไม่ได้ ที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยจ่ายเงินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากกรณีน้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทาราให้กับอินโดนีเซีย ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในปี 2552 ได้ทำการศึกษา วิจัยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น ผลการศึกษาสรุปว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในน่านน้ำออสเตรเลียและบริเวณใกล้เคียงน่านน้ำอินโดนีเซีย บริษัทจึงเชื่อมั่นในผลการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และพร้อมที่จะพิสูจน์ว่าไม่มีความเสียหายตามข้อเรียกร้องของรัฐบาลอินโดนีเซีย

นางประณต ติราศัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกิจการองค์กรและกำกับการปฏิบัติตามนโยบาย ปตท.สผ. กล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียได้ยื่นฟ้องบริษัทฯในศาลอินโดนีเซีย ซึ่งคำพิพากษาไม่สามารถบังคับใช้ได้ในไทยและออสเตรเลีย เนื่องจากอินโดนีเซียไม่มีการทำสนธิสัญญาเกี่ยวกับการบังคับใช้คำพิพากษาระหว่างประเทศกับไทยและออสเตรเลีย หากศาลอินโดนีเซียมีคำพิพากษาแล้วก็ไม่สามารถบังคับใช้ได้ ต้องมาฟ้องศาลไทย มีเพียงสามารถนำคำพิพากษาศาลอินโดนีเซียมาเป็นหลักฐานในศาลไทยได้ ขณะที่ประเด็นรัฐบาลอินโดนีเซียจะยึดทรัพย์สินของปตท.สผ. และ PTTEP AA นั้นที่ปรึกษากฎหมายระบุว่าไม่สามารถยึดทรัพย์สินของปตท.สผ. และ PTTEP AA ได้ เพราะอยู่นอกประเทศ และบริษัทที่ดำเนินการโครงการนาทูน่า ซีเอ ถือว่าเป็นคนละนิติบุคคลกัน