บจ.ขนาดกลางกำไรลด-บริษัทในเอ็มเอไอเจอแข่งดุ

19 พ.ค. 2560 | 12:54 น.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประมวลภาพผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ในไตรมาส 1/2560 บริษัทขนาดใหญ่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21% ภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ลดลงจากราคาน้ำมันแพง ส่วนบริษัทขนาดกลางมีกำไรลดลง ด้านบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) กำไรโต แต่บางธุรกิจเผชิญการตัดราคาขายสินค้า

นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์( SET) มียอดขายรวม 2,705,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.28% และมีกำไรสุทธิ 284,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำไรและยอดขายของหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ดีขึ้น

ขณะเดียวกันผลประกอบการของธุรกิจอื่นก็ดีขึ้น โดยเฉพาะ ธุรกิจด้านการอุปโภคบริโภค เช่น หมวดพาณิชย์ หมวดธุรกิจการเกษตร หมวดแฟชั่น หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หมวดธนาคาร และหมวดเหมืองแร่ โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 4.89% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2.31% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน

ทั้งนี้ บจ. มีอัตรากำไรขั้นต้น 23.98% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2559 จากราคาน้ำมันในตลาดโลกโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 70% มาอยู่ที่ 53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลต้นทุนการผลิตของหมวดธุรกิจอื่น ๆ โดยรวมเช่นกัน

“ในไตรมาส 1/2560 บจ. ไทยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก ธุรกิจน้ำมันและปิโตรเคมี ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นรวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีภัณฑ์ที่สูงขึ้น “

อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของ บจ. ขนาดกลาง หรือกลุ่ม SET51-100 มีอัตราการเติบโตลดลง แต่หากดูจำนวน บจ. ที่มีกำไรสุทธิ ยังคงมีสัดส่วนอยู่ที่ 75% ของ บจ.ทั้งหมด

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2559 บจ. มียอดขายเพิ่มขึ้น 1.56% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 41.98% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง อยู่ที่ 24.38% ด้านโครงสร้างเงินทุนของ บจ. ยังคงอยู่ในเกณฑ์แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.21 เท่า ใกล้เคียงกับ 1.20 เท่าในช่วงเดียวกันในปีก่อน และลดลงจาก 1.25 เท่า ณ สิ้นปี 2559

ส่วน บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภาพรวมดีขึ้น แต่บางหมวดธุรกิจเริ่มได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคามากขึ้น โดยไตรมาส 1/2560 บจ. mai มียอดขาย 34,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.42% และมีกำไรสุทธิ 1,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.13% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 23.77% ลดลงเล็กน้อยจาก 24.06% จากไตรมาส 1/2559