สปท.แนะรัฐออกกฎหมายดิจิทัลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 4.0

26 พ.ค. 2560 | 06:03 น.
กมธ.ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน สปท.แนะ กำหนดองค์กรกลางและตรากฎหมายว่าด้วยรัฐบาลดิจิทัล เป็นแนวทางขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการประชาชน

นายยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน สปท. เป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่อง “แนวทางปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการประชาชนด้วยระบบดิจิทัล” ณ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร โดยกล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการประชาชนด้วยระบบดิจิทัล ซึ่ง กมธ.ร่วมกับอนุ กมธ.ขับเคลื่อนโครงสร้างองค์กรภาครัฐ จัดขึ้น เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญในการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการภาครัฐและการบริการประชาชน รองรับระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในยุคปัจจุบัน
“ภาครัฐจำเป็นต้องมีการปรับตัวโดยหนึ่งในแผนปฏิรูปที่สำคัญ คือ การพัฒนากลไกหรือเครื่องมือการสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือระหว่างราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น แม้ช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐจะได้พัฒนาระบบต่างๆ เพื่อปรับเปลี่ยนการทำงานและการเก็บข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่การดำเนินการยังเป็นลักษณะต่างคนต่างทำ ขณะที่พีเพิลแวร์ (People Ware) หรือ ภาคประชาชนผู้ใช้ระบบในระบบคอมพิวเตอร์ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้เป้าหมายของประเทศประสบความสำเร็จ”
นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า การระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค ในการสัมมนาครั้งนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการทำให้ประเทศไทยก้าวพ้นจากกับดักที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว นำสู่ประเทศไทย 4.0 ภายใต้การมีจริยธรรม และมีแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการประชาชนด้วยระบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบา
ด้านนางเบญจวรรณ สร่างนิทร ประธานอนุ กมธ.ขับเคลื่อนโครงสร้างองค์กร ภาครัฐ กล่าวบรรยาย เรื่อง "การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการประชาชนด้วยระบบดิจิทัล" ว่า สถานการณ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในภาครัฐของประเทศปัจจุบันยังเกิดปัญหาหลายด้าน อาทิ ขาดการเชื่อมโยงข้อมูลภายในภาครัฐด้วยกัน ส่งผลให้การเชื่อมโยงฐานข้อมูลทำได้ยากมากขึ้น เกิดความล่าช้า ซ้ำซ้อน และสิ้นเปลืองงบประมาณ
นอกจากนั้นภาครัฐยังขาดบุคลากรด้านดิจิทัล ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ดังนั้นภาครัฐต้องร่วมมือกันให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยกำหนดองค์กรกลางขึ้นมาดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานที่เหมาะสม คือ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) รวมทั้งตรากฎหมายว่าด้วยรัฐบาลดิจิทัล เพื่อพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ และพัฒนาคุณภาพกำลังคนภาครัฐด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมจัดสรรงบประมาณการดำเนินการโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เครือข่ายสารสนเทศภาครัฐเป็นเครื่องมือผลักดันให้เกิดผลทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม นำไปสู่การให้บริการสาธารณะเชิงรุกแบบครบวงจรที่ครอบคลุมการให้บริการภาครัฐที่หลากหลาย รวมทั้งการมีระบบรัฐบาลดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ