ถก 4 กระทรวงแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มล้น
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากปัญหาปริมาณน้ำมันปาล์มที่ล้นตลาดในขณะนี้ ทางกระทรวงพลังงาน เตรียมหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อหาแนวทางบูรณาการ แก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ยังมีน้ำมันปาล์มล้นตลาดอยู่ 1.8 แสนตัน ( 207 ล้านลิตร) ตามข้อมูล ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2560 ของกรมการค้าภายใน โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือให้กระทรวงพลังงาน ประสานผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 เก็บสต็อกไบโอดีเซลเพิ่มขึ้น
ซึ่งก่อนหน้านี้กรมธุรกิจพลังงานสั่งการให้ผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 เพิ่มสต๊อกไบโอดีเซลบี100 เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ผู้ค้าน้ำมัน8 ราย รวมกันไม่ถึง 50 ล้านลิตร เพิ่มเป็น 68 ล้านลิตร นอกจากนี้กรมธุรกิจพลังงานยังตั้งเป้าเพิ่มสต๊อกเป็น 80 ล้านลิตรภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ และเพิ่มเป็น 100 ล้านลิตรในอนาคต ซึ่งสามารถดูดซับปาล์มน้ำมันได้ 25% ของปริมาณน้ำมันปาล์มที่ล้นตลาด
นอกจากนี้การเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก บี5 มาเป็นบี7 (มีผลตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2560) ส่งผลให้มีการใช้ บี 100 เพิ่มขึ้นจาก 2.2 ล้านลิตรต่อวัน (สัดส่วนการผสม 5-7% เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559) เป็น 4.0 ล้านลิตรต่อวัน (สัดส่วนการผสม 6.5-7% เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560) คิดเป็นปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านลิตรต่อวัน (ประมาณ 58 ล้านลิตร) เพื่อดูดซับปริมาณซีพีโอส่วนเกินในตลาด
ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน ประชุมหารือกับผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ทำให้มีการเก็บสต็อกไบโอดีเซล จากเดิมเก็บอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านลิตร (ข้อมูล ณ ต้นเดือนมิถุนายน) และคาดว่าสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ เก็บได้ประมาณ 80 ล้านลิตร และจะพยายามผลักดันให้ได้ 100 ล้านลิตร ภายในเดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งช่วยดูดซับปาล์มน้ำมันที่ล้นอยู่ประมาณ 30 % การดำเนินงานดังกล่าวน่าจะช่วยคลี่คลายปัญหาปาล์มน้ำมันที่ล้นตลาดในขณะนี้ไปได้ ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงด้านพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเชื่อว่าพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันฯ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่กำลังดำเนินการอยู่จะช่วยแก้ไขปัญหาในระยะยาว
รวมทั้งเพื่อเป็นการแก้ปัญหาซีพีโอล้นตลาดในระยะยาว ซึ่งฤดูกาลผลผลิตปาล์มน้ำมันจะสูงในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ของทุกปี และจะลดลงเรื่อยๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากกระทรวงพลังงาน จำเป็นต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาทุกภาคส่วน เช่น การบริหารจัดการวัตถุดิบทั้งระบบ Supply Chain ตั้งแต่การผลิต การจัดเก็บ จนถึงการจำหน่าย การกำกับหรือควบคุมจำนวนโรงสกัดให้มีจำนวนที่เหมาะสมกับความต้องการใช้ของประเทศ หรือการพัฒนาตามศักยภาพผู้ผลิต (ซีพีโอ และน้ำมันพืช) ให้สามารถแข่งขันกับตลาดในต่างประเทศได้ เป็นต้น
สำหรับนโยบายการผลักดันใช้ไบโอดีเซลบี10 จะต้องหารือกับทางค่ายรถยนต์ เนื่องจากค่ายรถยนต์บางค่ายกังวลว่าการใช้บี10 อาจส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ อย่างไรก็ตามในแผนบริหารจัดการน้ำมัน(Oil Plan 2015) ตั้งเป้าการใช้บี 10 ส่งผลให้ความต้องการใช้บี100 อยู่ที่ 14 ล้านลิตรในปี 2579 แต่หากคงอัตราการผสมเป็น บี7 ตลอดแผน จะทำให้ความต้องการใช้บี100 อยู่ที่ระดับ 10 ล้านลิตรต่อวันในปี 2579
ซึ่งก่อนหน้านี้กรมธุรกิจพลังงานสั่งการให้ผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 เพิ่มสต๊อกไบโอดีเซลบี100 เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ผู้ค้าน้ำมัน8 ราย รวมกันไม่ถึง 50 ล้านลิตร เพิ่มเป็น 68 ล้านลิตร นอกจากนี้กรมธุรกิจพลังงานยังตั้งเป้าเพิ่มสต๊อกเป็น 80 ล้านลิตรภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ และเพิ่มเป็น 100 ล้านลิตรในอนาคต ซึ่งสามารถดูดซับปาล์มน้ำมันได้ 25% ของปริมาณน้ำมันปาล์มที่ล้นตลาด
นอกจากนี้การเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก บี5 มาเป็นบี7 (มีผลตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2560) ส่งผลให้มีการใช้ บี 100 เพิ่มขึ้นจาก 2.2 ล้านลิตรต่อวัน (สัดส่วนการผสม 5-7% เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559) เป็น 4.0 ล้านลิตรต่อวัน (สัดส่วนการผสม 6.5-7% เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560) คิดเป็นปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านลิตรต่อวัน (ประมาณ 58 ล้านลิตร) เพื่อดูดซับปริมาณซีพีโอส่วนเกินในตลาด
รวมทั้งเพื่อเป็นการแก้ปัญหาซีพีโอล้นตลาดในระยะยาว ซึ่งฤดูกาลผลผลิตปาล์มน้ำมันจะสูงในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ของทุกปี และจะลดลงเรื่อยๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากกระทรวงพลังงาน จำเป็นต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาทุกภาคส่วน เช่น การบริหารจัดการวัตถุดิบทั้งระบบ Supply Chain ตั้งแต่การผลิต การจัดเก็บ จนถึงการจำหน่าย การกำกับหรือควบคุมจำนวนโรงสกัดให้มีจำนวนที่เหมาะสมกับความต้องการใช้ของประเทศ หรือการพัฒนาตามศักยภาพผู้ผลิต (ซีพีโอ และน้ำมันพืช) ให้สามารถแข่งขันกับตลาดในต่างประเทศได้ เป็นต้น
สำหรับนโยบายการผลักดันใช้ไบโอดีเซลบี10 จะต้องหารือกับทางค่ายรถยนต์ เนื่องจากค่ายรถยนต์บางค่ายกังวลว่าการใช้บี10 อาจส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ อย่างไรก็ตามในแผนบริหารจัดการน้ำมัน(Oil Plan 2015) ตั้งเป้าการใช้บี 10 ส่งผลให้ความต้องการใช้บี100 อยู่ที่ 14 ล้านลิตรในปี 2579 แต่หากคงอัตราการผสมเป็น บี7 ตลอดแผน จะทำให้ความต้องการใช้บี100 อยู่ที่ระดับ 10 ล้านลิตรต่อวันในปี 2579