กรมพัฒน์ยุคไฮเทค จดบริษัทผ่านมือถือ
กรมพัฒน์เตรียมทำระบบจัดตั้งธุรกิจรูปแบบใหม่ คาดเปิดใช้บริการปีนี้ควบรวมการจดทะเบียนออฟไลน์และออนไลน์ พร้อมจัดทำแอพพลิเคชันจดทะเบียนบนมือถือหนุนการค้า 4.0
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรมได้วางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบสารสนเทศแอพพลิเคชัน และเครื่องมืออื่นๆที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาจัดทำแอพพลิเคชันจดทะเบียนธุรกิจผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมทั้งจัดทำระบบจัดตั้งธุรกิจใหม่ในรูปแบบของธุรกิจออฟไลน์ คือหน้าร้านแบบเดิมและธุรกิจออนไลน์ คือการขยายช่องทางหน้าร้านขายผ่านเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ถือเป็นการปรับปรุงระบบ และการจดทะเบียนรูปแบบใหม่ให้สอดคล้องกับเทรนด์ผู้ประกอบการ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้งานภายในปีนี้
[caption id="attachment_169444" align="aligncenter" width="458"]
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์[/caption]
ทั้งนี้จะสอดคล้องกับการเร่งรัดออก พ.ร.บ.การจัดตั้งบริษัทจำกัดคนเดียวพ.ศ… ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คาดจะแล้วเสร็จพร้อมประกาศใช้อย่างเป็นทางการภายในปีนี้ โดยการยกร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยห้างหุ้นส่วนและบริษัท ที่ได้กำหนดให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทจำกัด และผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดต้องมีจำนวนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปซึ่งในทางปฏิบัติมักก่อให้เกิดปัญหาข้อพิพาทระหว่างผูถื้อหุน้ ดว้ ยกัน รวมทัง้ กอ่ให้เกิดความไม่สะดวกในการลงทุนจัดตั้งบริษัทจำกัดเพื่อประกอบธุรกิจ
สำหรับ พ.ร.บ.จัดตั้งธุรกิจคนเดียวก็ถือเป็นอีกหนึ่งกฎหมายที่ถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเทรนด์ของการค้าในปัจจุบันและอนาคต เพราะจะพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี มีเจ้าของคนเดียว ดังนั้นหากจะทำให้เอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบจดทะเบียนอย่างถูกต้องไทยก็จำเป็นต้องปลดล็อกข้อกฎหมาย เพราะนอกจากจะทำให้ภาครัฐตรวจสอบข้อมูลง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ตามที่รัฐบาลและสถาบันทางการเงินสนับสนุน
“สิ่งที่กรมพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่องตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมาก็เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพในยุค 4.0 ซึ่งกรมเองมีระบบEต่างๆ คอยให้บริการไม่ว่าจะเป็นระบบนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์(e-Filing),โครงการพัฒนาผู้ประกอบการผ่านสื่อออนไลน์(e-Learning) รวมทั้งระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Registrationที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆถือเป็นส่วนหนึ่งช่วยส่งเสริมการประกอบกิจกรรมทางการค้าต่างๆของผู้ประกอบการที่จะช่วยพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนโดยเฉพาะระดับเอสเอ็มอีเพราะฐานข้อมูลที่กรมรวบรวมจะถูกจัดสรรเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)ให้ผู้ประกอบการนำไปใช้เป็นประโยชน์เพื่อประกอบการตัดสินใจทำธุรกิจได้มากขึ้น และภาครัฐก็สามารถนำฐานข้อมูลดังกล่าวมาเป็นแนวทางในการกำหนดยุทธศาสตร์ทางการค้าของประเทศได้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,276 วันที่ 6 - 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรมได้วางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบสารสนเทศแอพพลิเคชัน และเครื่องมืออื่นๆที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาจัดทำแอพพลิเคชันจดทะเบียนธุรกิจผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมทั้งจัดทำระบบจัดตั้งธุรกิจใหม่ในรูปแบบของธุรกิจออฟไลน์ คือหน้าร้านแบบเดิมและธุรกิจออนไลน์ คือการขยายช่องทางหน้าร้านขายผ่านเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ถือเป็นการปรับปรุงระบบ และการจดทะเบียนรูปแบบใหม่ให้สอดคล้องกับเทรนด์ผู้ประกอบการ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้งานภายในปีนี้
[caption id="attachment_169444" align="aligncenter" width="458"]
ทั้งนี้จะสอดคล้องกับการเร่งรัดออก พ.ร.บ.การจัดตั้งบริษัทจำกัดคนเดียวพ.ศ… ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คาดจะแล้วเสร็จพร้อมประกาศใช้อย่างเป็นทางการภายในปีนี้ โดยการยกร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยห้างหุ้นส่วนและบริษัท ที่ได้กำหนดให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทจำกัด และผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดต้องมีจำนวนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปซึ่งในทางปฏิบัติมักก่อให้เกิดปัญหาข้อพิพาทระหว่างผูถื้อหุน้ ดว้ ยกัน รวมทัง้ กอ่ให้เกิดความไม่สะดวกในการลงทุนจัดตั้งบริษัทจำกัดเพื่อประกอบธุรกิจ
สำหรับ พ.ร.บ.จัดตั้งธุรกิจคนเดียวก็ถือเป็นอีกหนึ่งกฎหมายที่ถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเทรนด์ของการค้าในปัจจุบันและอนาคต เพราะจะพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี มีเจ้าของคนเดียว ดังนั้นหากจะทำให้เอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบจดทะเบียนอย่างถูกต้องไทยก็จำเป็นต้องปลดล็อกข้อกฎหมาย เพราะนอกจากจะทำให้ภาครัฐตรวจสอบข้อมูลง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ตามที่รัฐบาลและสถาบันทางการเงินสนับสนุน
“สิ่งที่กรมพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่องตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมาก็เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพในยุค 4.0 ซึ่งกรมเองมีระบบEต่างๆ คอยให้บริการไม่ว่าจะเป็นระบบนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์(e-Filing),โครงการพัฒนาผู้ประกอบการผ่านสื่อออนไลน์(e-Learning) รวมทั้งระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Registrationที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆถือเป็นส่วนหนึ่งช่วยส่งเสริมการประกอบกิจกรรมทางการค้าต่างๆของผู้ประกอบการที่จะช่วยพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนโดยเฉพาะระดับเอสเอ็มอีเพราะฐานข้อมูลที่กรมรวบรวมจะถูกจัดสรรเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)ให้ผู้ประกอบการนำไปใช้เป็นประโยชน์เพื่อประกอบการตัดสินใจทำธุรกิจได้มากขึ้น และภาครัฐก็สามารถนำฐานข้อมูลดังกล่าวมาเป็นแนวทางในการกำหนดยุทธศาสตร์ทางการค้าของประเทศได้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,276 วันที่ 6 - 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560