กระทรวงอุตฯยันมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมแต่ไม่ทิ้งเกษตรกรรม

05 ก.ค. 2560 | 09:43 น.
กระทรวงอุตสาหกรรมย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญกับพัฒนาทุกภาคส่วนไปพร้อมกัน โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่จะไม่ทอดทิ้งไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน แต่จะต่อยอดพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่ม

นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่มีสื่อมวลชนบางฉบับได้วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล โดยระบุว่า รัฐบาลมุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่ อุตสาหกรรม 4.0 โดยหลงลืมการพัฒนาภาคเกษตรกรรมนั้น ขอเรียนชี้แจงว่า การพัฒนาตามยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 เป็นโมเดลเศรษฐกิจที่จะนำพาประเทศไทยให้หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำ และกับดักความไม่สมดุล พร้อม ๆ กับเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยสิ่งที่คนไทยจะได้รับจาก Thailand 4.0 จะมีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรม

“เกษตรกรในยุค 4.0 จะหลุดพ้นจากกับดักความยากจนและจะเป็นผู้ประกอบการทางการเกษตรสมัยใหม่(Smart Farmers) ที่มีการบริหารจัดการดีขึ้น ต้นทุนการผลิตต่ำ และเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรจากการแปรรูปได้ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมได้กำหนดแนวทางการพัฒนาให้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ การต่อยอด 5 อุตสาหกรรมเดิม (First S-Curves) ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต และการสร้าง 5 อุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curves ประกอบด้วย อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ และอุตสาหกรรมดิจิทัล” นางสาวนิสากร กล่าว อ้อยสด

โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวย้ำด้วยว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมตามแนวทาง Thailand 4.0 ให้ความสำคัญกับภาคการเกษตร เห็นได้จากการกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร คือ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ เพื่อนำผลผลิตทางการเกษตรมาต่อยอดและพัฒนาในการสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ผลผลิตทางการเกษตร เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์ม ข้าว และข้าวโพด มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสร้างฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงจากความหลากหลายทางชีวภาพ และการที่รัฐบาลให้การส่งเสริมการพัฒนาในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ถือเป็นการต่อยอดพัฒนาจาก Eastern Sea Board เดิม

โดยในพื้นที่ EEC จะเป็นแหล่งริเริ่มโมเดลการสะสมทุนความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมให้ลูกหลานคนไทย สามารถเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน และจะเป็นต้นแบบสำหรับขยายไปสู่พื้นที่อื่นๆของประเทศไทย นอกจากนี้ หากพิจารณาถึงงบประมาณด้านการเกษตรในปี 2560 และปี 2561 แล้วจะพบว่าในปี 2560 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับงบประมาณจำนวน 94,417 ล้านบาท ในปี 2561 ได้รับงบประมาณในเบื้องต้นจำนวน 102,559 ล้านบาท

“เห็นได้ว่าในปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับภาคการเกษตรเป็นอย่างมาก และในอนาคตก็ยังยังให้ความสำคัญกับภาคการเกษตรด้วยเช่นกัน เพื่อเป็น“สังคมที่เดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวทิ้งท้าย