กระทรวงพลังงานคาดยอดใช้น้ำมันปีนี้โต 3%

14 ก.ค. 2560 | 08:32 น.
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันช่วงครึ่งแรกของปี 2560 (มกราคม – มิถุนายน 2560) เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปี 2559  โดยกลุ่มน้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 4.3% และกลุ่มดีเซล เพิ่มขึ้น 2.3% ขณะที่แอลพีจีเพิ่มขึ้น 2.3% ส่วนเอ็นจีวีลดลง 14.0%

โดยการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเฉลี่ย อยู่ที่ 29.8 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 4.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของน้ำมันกลุ่มเบนซินเกือบทุกชนิดยกเว้นน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 91 โดยน้ำมันเบนซินมีการใช้ลดลงเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1.3 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 6.0% และแก๊สโซฮอล์ 91 มีการใช้ลดลงเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 10.8 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 3.7% สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 28.6 ล้านลิตร/วัน คิดเป็น 4.8% โดยแก๊สโซฮอล์อี 85 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมากที่สุด อยู่ที่ 1.0 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 22.6% เนื่องจากปัจจุบันมีรถยนต์ผลิตใหม่ที่รองรับแก๊สโซฮอล์อี 85 เข้าสู่ท้องตลาดมากขึ้น รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 11.6 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 11.2% เนื่องมาจากราคาที่ปรับตัวใกล้เคียงกันกับแก๊สโซฮอล์ 91 ทำให้ประชาชนเลือกใช้น้ำมันชนิดที่มีค่าออกเทนสูงกว่า ในขณะเดียวกันแก๊สโซฮอล์อี 20 มีการใช้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5.1 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 7.8%

11539955_m ขณะที่การใช้กลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (บี7) เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65.4 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 2.3% ถึงแม้ว่าราคาขายปลีกจะปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2559 แต่ปริมาณการใช้ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามการเติบโตทางเศรษฐกิจและปริมาณรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงมีปริมาณเพิ่มขึ้น 4.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (อ้างอิงข้อมูลกรมการขนส่งทางบก สิ้นเดือน พ.ค. 2560)

ส่วนการใช้แอลพีจีเฉลี่ยต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 อยู่ที่ 16.6 ล้าน กก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 2.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้ทุกภาคยกเว้นภาคขนส่ง ที่มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.7 ล้าน กก./วัน คิดเป็นอัตราลดลง 9.5% สำหรับการใช้ในภาคอื่นๆ มีอัตราการใช้เพิ่มขึ้น โดยภาคปิโตรเคมีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นสูงที่สุดอยู่ที่ 5.4 ล้าน กก./วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 12.6% รองลงมาเป็นภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.7 ล้าน กก./วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 5.5% และภาคครัวเรือนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8 ล้าน กก./วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 1.4%

44 สำหรับการใช้เอ็นจีวีช่วง ครึ่งแรกของปี 2560 เฉลี่ยอยู่ที่ 6.9 ล้าน กก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 14.0% โดยการใช้เอ็นจีวีลดลงเนื่องจากเป็นผลต่อเนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี 2559 ทำให้ประชาชนและรถบรรทุกสินค้าหันไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยมา และส่งผลให้มีสถานีบริการเอ็นจีวีทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

สำหรับการนำเข้าส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 มีปริมาณนำเข้ารวมเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการนำเข้านำมันดิบเฉลี่ย 6 เดือน อยู่ที่ 868พันบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 4.2% โดยมีมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบคิดเป็น 50,481 ล้านบาท/เดือน สำหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณนำเข้าลดลงอยู่ที่ 74 พันบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราการลดลง 3.9% และมีมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 4,834 ล้านบาท/เดือน สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่า มีการนำเข้าน้ำมันอากาศยาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ 1น้ำมันเตาและLPG (รวมโพรเพนและบิวเทน) เฉลี่ยลดลงจากปีก่อน ขณะเดียวกันพบว่ามีการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ 2 เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้แก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ อี20 ในประเทศมีปริมาณที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน

ขณะที่แอลพีจี (รวมโพรเพนและบิวเทน) มีการนำเข้ามาในประเทศ 43 ล้าน กก./เดือน ซึ่งมีอัตราลดลง 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเสรีการนำเข้าและส่งออกแอลพีจีจึงมีผู้ค้าบางรายลดปริมาณการนำเข้า เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมและจัดหาแอลพีจีให้ไม่เกินปริมาณความต้องการในประเทศ สำหรับปริมาณการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2559 อยู่ที่ 161 พันบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้นประมาณ 4.5% โดยมีมูลค่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ย 9,827 ล้านบาท/เดือน โดยพบว่า มีการส่งออกน้ำมันดีเซลพื้นฐานและน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง

นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันในช่วงครึ่งหลังปีนี้ คาดว่ายังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งดูตัวเลขคาดการณ์จีดีพีของสภาพัฒน์ฯ ที่คาดว่าจะโต 3.2% ดังนั้นการใช้น้ำมันจะเติบโตขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ กรมฯคาดว่ายอดใช้น้ำมันปีนี้จะเติบโต 3% เทียบกับปีก่อน

LPG1 สำหรับสถานการณ์การใช้แอลพีจีและเอ็นจีวีในภาคขนส่ง ปรับลดลง เนื่องจากรถยนต์หันไปใช้น้ำมันมากขึ้น ปัจจุบันมีจำนวนสถานีบริการแอลพีจีอยู่ที่ 2,091 แห่ง เทียบกับปีก่อนที่ 2,092 แห่ง ส่วนสถานีเอ็นจีวีปัจจุบันอยู่ที่ 462 แห่ง เทียบกับปีก่อนที่ 487 แห่ง และคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

ส่วนความคืบหน้าการเปิดเสรีธุรกิจแอลพีจีทั้งระบบ จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ซึ่งทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้องจัดทำหลักเกณฑ์ใหม่การใช้คลังแอลพีจีที่เขาบ่อยา เพื่อให้บุคคลที่สามสามารถใช้คลังแอลพีจีได้ อย่างไรก็ตามกรมฯคาดว่าภายหลังจากเปิดเสรีแอลพีทั้งระบบตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560 ราคาขายปลีกแอลพีจีจะเริ่มสะท้อนต้นทุนภายในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้เชื่อว่าภายหลังจากเปิดเสรีแอลพีจีทั้งระบบแล้ว จะสะท้อนไปยังราคาขายปลีกผู้บริโภคลดลง