ส่อง‘หัวขบวนเสื้อแดง’ ทยอยนอนคุก-ลุ้นคำพิพากษา

03 ส.ค. 2560 | 23:38 น.
วันที่ 25 สิงหาคมนี้ นอกจากจะเป็นวันชี้ชะตา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีรับจำนำข้าวแล้ว ทุกสายตายังจดจ้องไปที่พลังการขับเคลื่อนของแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และมวลชนคนเสื้อแดงที่จะมาให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ จนฝ่ายความมั่นคงเกรงจะเป็นชนวนให้มือที่สามก่อความวุ่นวายขึ้นมาหรือไม่

ล่าสุดมีการเปิดเผยจากนายก่อแก้ว พิกุลทอง ระบุว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. จะทำหน้าที่รักษาการประธาน นปช. ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์การควบคุมมวลชนของนปช.ว่าจะเอาอยู่หรือไม่หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในห้วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้แกนนำ นปช.ดูเหมือนจะอ่อนแรงลงทุกขณะ หลังศาลฎีกาพิพากษาให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่รวมแกนนำสำคัญที่ทยอยนอนคุกจากคดีที่สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 อีกหลายคดี

++“4นปช.”ฎีกาสู้คดีบุกบ้านป๋า
จากการตรวจสอบของ “ฐานเศรษฐกิจ” พบว่า ขณะนี้แกนนำ นปช. ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ น.พ.เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ในคดีหมายเลขดำ อ.3531/2552 กรณีชุมนุมล้อมบ้านพักสี่เสาร์เทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ปี 2550 โดยแกนนำนปช.ทั้ง 4 คน ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2558 ให้จำคุกคนละ 4 ปี 4 เดือน ฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย และให้ผู้อื่นขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

ต่อมาวันที่ 9 มกราคม 2560 แกนนำทั้ง 4 คน ได้ยื่นต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำคุก คนละ 4 ปี แต่แกนนำ นปช.ทั้ง 4 ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงลดโทษให้จำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน โดยมีการยื่นคำร้องหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงินสดคนละ 5 แสนบาท ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกาสู้คดี แต่ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาต

นอกจากนั้นยังมีคดีหมาย เลขดำ อ.2542/2553 อัยการคดีพิเศษ 1 ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์, นายจตุพร และแกนนำ-แนวร่วม รวม 24 คน ข้อหาหนักก่อการร้าย ตามมาตรา 135/1 กรณีปี 2553 ชุมนุมเผาเมืองขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะนี้อยู่ระหว่างศาลอาญาสืบพยานโจทก์

++“อริสมันต์-พวก12”คุก4ปี
ขณะที่แกนนำ นปช.ที่ถูกจำคุก ประกอบด้วย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง กับพวก รวม 13 คน ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา จากกรณีพามวลชนบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่โรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2552 ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวและเจ้าหน้าที่ ได้นำตัวส่งไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษหนองปลาไหล ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560

สำหรับแกนนำ นปช.อีก 12 คน ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี และปรับคนละ 200 บาท พร้อมกับนายอริสมันต์ ประกอบด้วย นายนิสิต สินธุไพร, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายวรชัย เหมะ, นายวันชนะ เกิดดี, นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง, นายศักดา นพสิทธิ์, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภารัตน์, นายนพพร นามเชียงใต้, นายสำเริง ประจำเรือ, นายสมยศ พรหมมา, น.พ.วัลลภ ยังตรง และ นายสิงห์ทอง บัวชุม

++“จตุพร”คุก1ปีหมิ่น“อภิสิทธิ์”
แกนนำนปช.คนล่าสุดที่ถูกจำคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา คือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ (เป็น การจำคุกครั้งที่ 4) จากคดีหมาย เลขดำที่ อ.1962/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องฐานหมิ่นประมาท กรณีปราศรัยใส่ความรัฐบาลว่า เป็น “ทรราชฟันนํ้านม” สั่งการคนเสื้อนํ้าเงินยิงคนเสื้อแดงในการประชุมอาเซียนปี 2552 จัดฉากสร้างสถานการณ์ทุบรถที่กระทรวงมหาดไทย เป็น “ฆาตกรมือเปื้อนเลือด” และข้อความอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

คดีดังกล่าวศาลฎีกาพิพากษา จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทำให้นายจตุพร ไม่สามารถไปร่วมให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ ในการขึ้นไต่สวนพยานคดีรับจำนำข้าวนัดสุดท้ายได้

ในบรรดาแกนนำ นปช. นายจตุพร นับได้ว่าถูกดำเนินคดีมากที่สุด เพราะยังเหลือคดีที่ถูกฟ้องหมิ่นประมาท โดยมี 2 คดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วคือ 1.คดีกล่าวหานายอภิสิทธิ์ ไม่เคารพและตีตนเสมอองค์พระมหากษัตริย์ (คดีหมายเลขดำที่ อ.404/2552) ศาลฎีกาสั่งจำคุก 6 เดือน และปรับ 50,000 บาท โดยให้รอลงอาญา 2 ปี และให้ลงคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน

TP16-3284-1 2.คดีปราศรัยพาดพิงว่านายอภิสิทธิ์ สั่งฆ่าประชาชน และหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร (คดีหมายเลขดำ อ.1008/2553) ศาลฎีกาพิพากษายืนให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 50,000 บาท โดยให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้ลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันเป็นเวลา 7 วัน

อีกคดีที่ยังรอลุ้นผลคือ คดีปราศรัยกล่าวหานายอภิสิทธิ์ ดึงเรื่องประชาชนยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษนายทักษิณ ชินวัตร และกล่าวหาว่าเป็น “ฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน” (คดีหมายเลขดำ อ.4176/ 2552) ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก 2 ปีโดยไม่รอลง อาญา ขณะนี้อยู่ระหว่างการฎีกา

นอกจากนั้นยังมีแกนนำนปช.ระดับรองที่อยู่ในเรือนจำ อาทิ จ.ส.อ.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ เป็นจำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีที่ได้กล่าวปราศรัยที่ศูนย์ การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ต่อมาศาลอาญา อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2557 พิพากษาให้จำคุก 5 ปี แต่รับสารภาพจึงลดโทษเหลือ 2 ปี 6 เดือน และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ “เจ๋ง ดอกจิก” ถูกศาลฎีกาตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดีหมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์

จากรายชื่อเบื้องต้น ยังไม่ นับรวมแกนนำ นปช.ที่หลบหนีอีกหลายคน อาทิ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำฮาร์ดคอร์ ภายหลังมีหมายจับเพื่อดำเนินคดีข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่ศาลสั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา กรณีใช้คลื่นวิทยุรบกวนคลื่นกรมการขนส่งทางนํ้าและพาณิชย์นาวีซึ่งหน่วยความมั่นคงยังไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง
เห็นสภาพของ “แกนนำ นปช.” แต่ละคนยามนี้แล้ว คงยากเหลือเกินที่จะจัดทัพนำขบวน “คนเสื้อแดง” ให้ออกมาเคลื่อนไหวเป็นพลังให้กับ ยิ่งลักษณ์ ที่กำลังจะถูกศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาคดีจำนำข้าวในวันที่ 25 สิงหาคมนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,284 วันที่ 3 -5 สิงหาคม พ.ศ. 2560