“อมตะ” ลงนาม MOU กับ Saab AB สวีเดน พัฒนาเมืองอัจฉริยะและเมืองอากาศยาน

05 ต.ค. 2560 | 09:26 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ต.ค. 2560 | 16:26 น.
“อมตะ” ร่วมลงนาม MOU กับ Saab AB ประเทศสวีเดน ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอากาศยานและนวัตกรรมอากาศยานชั้นนำของโลก ศึกษาความร่วมมือ เดินหน้าพัฒนา เมืองอัจฉริยะ และเมืองอากาศยาน หรือ Amata Aerospace City ในนิคมอมตะนคร จ.ชลบุรี มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอากาศยานในเอเซีย และระดับโลก หนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

[caption id="attachment_216212" align="aligncenter" width="355"] นายวิกรม กรมดิษฐ์ นายวิกรม กรมดิษฐ์[/caption]

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด(มหาชน) AMATA เปิดเผยว่า วันนี้ ( 5 ต.ค. 2560) บริษัทอมตะ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ Amata Aerospace City ( )กับ บริษัท Saab AB โดยมี Mr . Hakan Buskhe President and CEO เข้าร่วมลงนามในความตกลงดังกล่าว และมี พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การ พัฒนา “ เมืองอัจฉริยะ และเมืองอากาศยาน” หรือ Aerospace City ในนิคมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี ที่เป็นรูปธรรมซึ่งจะสอดรับกับนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC)

ทั้งนี้ แนวทางความร่วมมือจะครอบคลุมการศึกษาและพัฒนาทั้งทางด้านการจราจรภายในเมืองอัจฉริยะ , การวางระบบผังเมืองอัจฉริยะ และ การฝึกอบรมแบบการบินจำลอง (simulation) ที่จะทำให้ไทย เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอากาศยานทั้งในระดับเอเซีย และในระดับโลก

“ Saab เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในด้านอากาศยานและนวัตกรรมอากาศยาน ที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันพัฒนาเมืองอัจฉริยะและเมืองอากาศยานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมชั้นนำระดับโลก”นายวิกรมกล่าว

 

ในการพัฒนา เมืองอัจฉริยะ และเมืองอากาศยาน จะนำไปสู่การพัฒนา และรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยาน ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่สำคัญของประเทศ (New S-curve) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และเป็นนโยบายหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า

นายวิกรม กล่าวว่า ภายใต้แนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และเมืองอากาศยานครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในแผนงานการพัฒนาเมืองอัจฉริยะสมบูรณ์แบบหรือ Smart City ครอบคลุมการพัฒนาในด้านสำคัญต่างๆ ใน8 ด้าน 1 พลังงานอัจฉริยะ(Smart Energy ) 2 การสัญจรอัจฉริยะ ( Smart Mobility ) 3 ชุมชนอัจฉริยะ(Smart Community ) 4. สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment ) 5.ระบบการศึกษาอัจฉริยะ ( Smart Education ) 6. ระบบอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Manufacturing ) 7. เมืองอากาศยานอัจฉริยะ(Smart Aerospace City ) และ 8 นวัตกรรมอัจฉริยะ (Smart Innovation)

นาย Håkan Buskhe ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Saab AB กล่าวว่า Saab มีความยินดีที่จะร่วมมือกับ อมตะ ในการพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ และเมืองอากาศยาน ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเดินหน้าโครงการในอนาคตได้ และบริษัท ถือเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ด้วยประสบการณ์ ในฐานะที่ บริษัท Saab AB เป็นสัญชาติสวีเดนที่ผลิตและให้บริการเกี่ยวกับ อากาศยานด้านการป้องกันประเทศ , อากาศยานด้านการทหาร และอากาศยานเพื่อความมั่นคงของพลเรือน ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลก โดย Saab ได้เริ่มเปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการในกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2541

ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ประธานกรรมการบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน และอดีตเลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า ในการพัฒนาโดยเมืองอัจฉริยะอมตะ และเมืองอากาศยาน ในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างก้าวกระโดดภายใต้แนวคิด ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งทางอมตะ มีความเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย รวมทั้งยังเป็นกลไกสำคัญ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยาน และคลัสเตอร์ด้านอากาศยานของไทย

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมรายใหญ่ของไทย ที่มีลูกค้ามากกว่า 1,000 บริษัท ทั้งในไทย และบริษัทชั้นนำระดับโลก ที่เข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ กว่า 80 ตารางกิโลเมตร ในนิคมอุตสาหกรรมของอมตะทั้งสองแห่ง โดยแบ่งเป็นนิคมอมตะนคร จ.ชลบุรี และนิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง โดยในแต่ละปีโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมของอมตะผลิตสินค้าต่างๆ คิดเป็นสัดส่วน 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP)ของประเทศไทย    โดยโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะสมบูรณ์แบบหรือ Smart City คือการยกระดับพื้นที่ 42 ตารางกิโลเมตร ในนิคมอุตสาหกรรม อมตะนคร จ.ชลบุรี ด้วยการใช้เทคโนโลยีระดับสูง พร้อมๆกับการพัฒนาพลังงานทางเลือก ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อให้เกิดความอย่างยั่งยืน โดย Smart City ถือว่าอยู่ในทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางของเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC).