แมกโนเลียฯผนึกพันธมิตรระดับโลกปั้นโครงการมิกซ์ยูสไลฟ์สไตล์ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” มูลค่าโครงการกว่า 9 หมื่นล้านบาท บนที่ดิน 30 ไร่ย่านบางนา-ตราด
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัทในกลุ่มบริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) เปิดเผยว่า ปัจจุบันควาเจริญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีนับว่ามีบทบาทความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเชื่อมโยงชีวิตและไลฟ์สไตล์ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดช่องว่างและสร้างความสุขอย่างยั่งยืน ด้วยการออกแบบโครงการและการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในการร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
โดยร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกร่วมสร้างสรรค์โครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” (THE FORESTIAS) โปรเจ็กต์แฟลกชิพครั้งแรกของโลก มูลค่าไม่ตํ่ากว่า 90,000 ล้านบาท นำเสนอโมเดลการใช้ชีวิตเข้ากับระบบนิเวศที่สมดุลเพื่อความสุขที่ยั่งยืน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Imagine Happiness” บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ บริเวณบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 7
โดยเริ่มต้นดำเนินการก่อสร้างปี 2561 และจะแล้วเสร็จภายในปี 2565
ด้านนายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นอสังหาริมทรัพย์แบบ MixedUse Lifestyle เป็นการร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สร้างสรรค์ประสบการณ์การอยู่อาศัยภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข ได้แก่Foster + Partners โดยที่ปรึกษาการออกแบบวางผังและงานสถาปัตยกรรม EEC Engineering Network ร่วมวิจัยและพัฒนางานระบบอาคาร Atelier Ten ร่วมทำวิจัย ศึกษาและวางแผนการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมไปถึงระบบนิเวศให้มีความสมดุลและยั่งยืน โดยการใช้นวัตกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นผู้ตรวจสอบและควบคุมการออกแบบและการก่อสร้างเพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการชั้นนำของโลก ITEC Entertainment จะเป็นผู้สร้างสรรค์ประสบการณ์และสันทนาการที่จะเกิดขึ้นภายในโครงการ และ Six Senses ร่วมบริหารและให้บริการด้านการบริหารโรงแรมและที่อยู่อาศัย (Hospitality and Residential) ที่ยึดหลักการอยู่อาศัยร่วมกับธรรมชาติ สุขภาพ และความยั่งยืน
โครงการดังกล่าวจะเป็นการพัฒนาและก่อสร้างใน 2 ส่วนหลักใช้พื้นที่มากกว่า 600,000 ตารางเมตร คือ 1. ที่อยู่อาศัย สัดส่วนรวม 55% ประกอบด้วย บ้านและคอนโดฯ ภายใต้แบรนด์ “Mulberry Grove Residences”, คอนโดมิเนียม แบรนด์ “วิสซ์ดอม”และที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ แบรนด์ “Aspen Tree Residences” ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม 2. ธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาว สัดส่วน 45% ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน, โรงแรมระดับ 4 ดาว คาดว่าจะเป็นเชนจาก Evason, โรงแรมระดับ 6 ดาว คาดว่าจะเป็นแบรนด์ Six Senses ,รีเทล ซึ่งมี 3 ส่วนด้วยกันคือ คอมมิวนิตี เซ็นเตอร์, แฟมิลี่ไลฟ์ เซ็นเตอร์ และวอล์กกิ้ง สตรีท นอกจากนี้ยังมีในส่วนของเมดิคัล คอม เพล็กซ์ และโรงเรียนอนุบาล
สำหรับในส่วนของ เมดิคัล คอมเพล็กซ์หรือศูนย์สุขภาพ นั้นบริษัทมีแผนที่จะร่วมกับโรงพยาบาลชั้นนำซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งในรูปแบบของการร่วมลงทุน หรือ MQDC ลงทุนเอง แล้วให้โรงพยาบาลผู้เป็นพันธมิตรบริหาร หรือให้โรงพยาบาลลงทุนและบริหารเอง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาอยู่ 2-3 ราย จึงไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,321 วันที่ 10 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560