ตะลุยทางหลวงไตรภาคี อินเดีย-เมียนมา-ไทย(10)

24 ธ.ค. 2560 | 23:05 น.
TP07-3325-1A วันนี้ได้เวลาออกเดินทางจากเมืองมัณฑะเลย์ไปต่อแล้วครับ เป้าหมายต่อไปของคณะเราก็คือ เมืองกาเลเมียว ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 485 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เวลาเกินกว่า 11 ชั่วโมงแน่นอน เนื่องจากเท่าที่ทราบถนนไม่ได้อยู่ในสภาพดีเท่าใดนัก แถมยังเป็นเส้นทางบนภูเขาสูงที่เราไม่สามารถทำความเร็วได้และที่สำคัญคือ เป็นเส้นทางในป่าบนภูเขาที่ไม่มีเมืองใหญ่พอที่เราจะหาที่พักระหว่างทางสำหรับคืนนี้ได้ เราจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องดั้นด้นไปให้ถึงเมืองกาเลเมียวให้ได้ไม่ว่าจะถึงกันกี่ทุ่มกี่ยามก็ตาม อยากจะบอกว่าตั้งแต่ออกเดินทางจากประเทศไทยมา ก็ตอนนี้แหละที่น่าจะเป็นช่วงของการผจญภัยอย่างแท้จริง

หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Mandalay Hill Resortเสร็จเรียบร้อย คณะของเราก็รีบออกเดินทางทันที โชคดีที่วันนี้ฟ้าเป็นใจ ไม่มีฝนแถมท้องฟ้ายังสดใสแดดจ้าอีกต่างหาก อย่างน้อยก็ทำให้พวกเราใจ ชื้นขึ้นมาบ้าง และรู้สึกว่าโชคดีเนื่องจากช่วงที่คณะเราเดินทางอยู่เป็นช่วงต้นเดือนกรกฎาคมซึ่งในเมียนมายังเป็นฤดูมรสุมและมักจะมีฝนตกตลอด ก็หวังว่าตลอดเส้นทางจนถึงเมืองกาเลเมียวพวกเราคงจะโชคดีไม่ต้องผจญกับฝนตกหนัก แต่ลึกๆ แล้วก็ยังแอบรู้สึกหวั่นใจอยู่บ้าง

จริงๆ แล้ว เป้าหมายหลักของคณะเราอยู่ที่เมืองทามู ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของเมียนมาที่อยู่ติดกับเมือง มอร์เรห์ ในรัฐมณีปุระของอินเดีย แต่เราจำเป็นต้องแวะพักค้างคืนที่เมือง กาเลเมียวก่อนเนื่องจากเราไม่สามารถเดินทางรวดเดียวถึงเมืองทามูได้ เนื่อง จากระยะทางไกลเกินไปและสภาพถนนยังอยู่ในสภาพไม่ดีนักอย่างที่กล่าวแล้วข้างต้น ท่านผู้อ่านอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าระยะทาง 485 กิโลเมตร ทำไมถึงต้องใช้เวลานานถึง 12-13 ชั่วโมง เพราะถ้าไปตรวจสอบในแผนที่ของ Google ในระบบอินเตอร์เน็ตจะเห็นว่า Google แนะนำเส้นทางที่มีระยะทางเพียง 363 กิโลเมตรเท่านั้นและใช้เวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมง

TP07-3325-2A ก็แน่ละครับ เส้นทางบนแผนที่นี่จะขีดอย่างไรก็ได้ Google ก็เลยขีดเส้นทางที่คิดว่าใกล้ที่สุดให้ แต่ในความเป็นจริงเส้นทางนั้นรถเข้าไปไม่ได้เพราะฝนตกหนักและมีนํ้าท่วมจนถนนขาด ทำให้เราต้องอ้อมไปอีกทางหนึ่งเพื่อความปลอดภัย นอกจากนั้นบนแผนที่ของ Google นี่มันเป็นทางราบไปหมด ดูแล้วน่าจะขับรถได้อย่างสะดวกสบายและใช้เวลาไม่นานนัก แต่เส้นทางจริงๆ นี่คนละเรื่องกันเลยครับเป็นเส้นทางพุ่งขึ้นภูเขาสูงตลอด ถนนก็ยังคับแคบ ผิวถนนก็ยังไม่ดีนักแถมยังคดเคี้ยวอีกต่างหาก

สำหรับการเดินทางจากเมือง มัณฑะเลย์ไปเมืองทามู เรามีทางเลือกหลักๆ อยู่ 2 ทางคือ แวะพักที่เมืองกาเลเมียว หรือไม่ก็แวะพักที่เมืองกาเลวะ (ชื่อคล้ายๆ กัน) ซึ่งเป็นเพียง 2 เมืองที่พอจะมีโรงแรมที่คณะของเราสามารถพักได้และอยู่ไม่ไกลจากเมืองทามูเท่าใดนัก แต่เราจำเป็นต้องเลือกเมืองกาเลเมียวทั้งๆ ที่ระยะทางไกลกว่าเมืองกาเลวะประมาณ 40 กิโลเมตร เนื่องจากในฤดูมรสุมที่มีฝนตกอยู่เกือบตลอดเวลาเช่นนี้ สภาพถนนที่มุ่งหน้าไปเมืองกาเลเมียวจะดีกว่าสภาพถนนที่มุ่งหน้าไปเมืองกาเลวะ โดยจะผ่านเมืองสำคัญๆ หลายเมือง เช่นลินกะดอร์ ปาเล กังกอว์ เป็นต้น

พอออกจากเมืองมัณฑะเลย์มาได้สักพักก็มาถึงแม่นํ้าใหญ่ (กว้างใหญ่มากๆ) ชื่อว่า “แม่นํ้าอิรวดี” ที่คนไทยเรารู้จักกันดีจากเพลงผู้ชนะสิบทิศที่ขับร้องโดยนักร้องชื่อดัง “ชรินทร์ นันทนาคร” ที่ขึ้นต้นเพลงว่า “ฟ้าลุ่มอิระวดี คืนนี้มีแต่ดาว...” ตื่นเต้นเลยครับที่ได้มีโอกาสมาข้ามแม่นํ้าในตำนาน สะพานข้ามแม่นํ้าอิรวดีแห่งนี้เป็นสะพานขนาดใหญ่มีโครงเหล็กสูงใหญ่ ขนาด 4 เลน รถยนต์วิ่งได้ฝั่งละ 2 เลน สบายๆ เลย แถมยังมีทางรถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และทางคนเดินแยกออกมาต่างหากอีกทั้ง 2 ข้างพร้อมจุดชมวิวเป็นระยะๆ

โดยสะพานแห่งนี้ยาวมากตามความกว้างของแม่นํ้าอิรวดี ถ้าหากกลั้นใจอธิษฐานขอพรตามความเชื่อของคนไทย คาดว่าคงขาดใจตายก่อนแน่นอนเพราะสะพานยาวมาก ทางขึ้นสะพานแห่งนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของเขตมัณฑะเลย์ (ทางบก) ส่วนทางลงของสะพานแห่งนี้ก็จะนำเข้าสู่อีกรัฐ หนึ่งของเมียนมาคือ รัฐสะกาย (Sagaing) แต่การแบ่งเขตระหว่างเขต มัณฑะเลย์กับรัฐสะกายจริงๆ แล้วจะอยู่ประมาณกลางแม่นํ้าอิรวดีนั่นเอง เมื่อมองไปด้านซ้ายของสะพานก็พบว่ามีสะพานอีกแห่งหนึ่งที่เชื่อม 2 ฝั่งแม่นํ้าอิรวดีขนานกันอยู่ชื่อว่าสะพานอินวา (Inwa Bridge) ซึ่งเป็นสะพานสำหรับรถไฟที่ข้ามจากเขตมัณฑะเลย์ไปที่ สถานีสะกายในรัฐสะกาย

เส้นทางในรัฐสะกายต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวมาว่ากันต่อครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,325 วันที่ 24 - 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9