ขาใหญ่ในตลาดหุ้น : สุกฤตย์ สุรบถโสภณ ซีอีโอ LOCAL MADE

หากเอ่ยชื่อหุ้นไออาร์พีซี(IRPC) หุ้นขวัญใจมหาชนของนักลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ เวลานี้ กำลังไต่ระดับทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ขึ้นไปไม่หยุดหย่อน ลบภาพในอดีตของหุ้นตัวนี้ออกไปจนหมดสิ้น และความจดจำใหม่ๆ ที่เข้ามา จากโครงการ ฟินิกซ์ สู่โครงการ EVEREST ที่มีความสูงของยอดเขาเอเวอเรส 29,000 ฟุต เป็นเป้ากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยและค่าเสื่อม ในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือในปี 2563 ต้องมีอีบิตดา 29,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่า IRPC ต้องมีกำไรที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องในแต่ละปี

ความสำเร็จของ IRPC จะขาดสิ่งนี้ไม่ได้เลย ถ้าไม่มีผู้บริหารคนสำคัญที่ชื่อ “สุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ลูกหม้อในกลุ่มปตท. (PTT) เขาถือหุ้นผู้บริหาร ที่เป็น LOCAL MADEของกลุ่มปตท.

[caption id="attachment_244674" align="aligncenter" width="429"] สุกฤตย์ สุรบถโสภณ[/caption]

“สุกฤตย์” ให้คำนิยามตัวเองว่าเป็น Local Made ไม่ได้เป็นผู้บริหารที่อิมปอร์ต เข้ามาจากต่างประเทศ อีกนัยหนึ่งก็คือ เขาเป็นผู้บริหารที่จบการศึกษาปริญญาตรีวิศวกรรมเคมี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้เริ่มทำงานแห่งแรกในบริษัทไทยออยล์ฯ (TOP) เป็นผู้จัดการที่เรียนรู้งานของโรงกลั่นทุกส่วน ไปจนถึงการเรียนรู้การเงิน

ซึ่งการเรียนรู้งานในไทยออยล์ 30 ปี กับตำแหน่งสุดท้ายผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เพียงพอที่ปตท. จะเห็นฝีมือการบริหารของ “สุกฤตย์” จึงดึงตัวกลับมาทำงานในปตท. ในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลพอร์ตการเงินของธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นในกลุ่มปตท. ระยะเวลาเพียงปีเดียว ได้ปรับตำแหน่งขึ้นเป็นรองกรรมการผู้จัดการ ซึ่งช่วงเวลา 4 ปีที่อยู่ปตท. พิสูจน์ฝีมือการเป็นผู้บริหาร Locol Made แล้วอย่างดี เขาจึงถูกดึงตัวให้มารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ IRPC จวบจนถึงปัจจุบันในช่วง 4 ปีในปี 2560 นี้

แม้ “สุกฤตย์” ไม่ได้จบด้านไฟแนนซ์หรือการเงิน แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของ “สุกฤตย์” แต่อย่างใด ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า การบริหารจัดการการเงิน สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง แข่งกับตัวเองและพัฒนาตัวเองจากการเรียนรู้

[caption id="attachment_244796" align="aligncenter" width="503"] สุกฤตย์ สุรบถโสภณ[/caption]

“สุกฤตย์” เล่าว่า ตลอดเวลา 30 ปี ที่อยู่กับไทยออยล์ ได้รับองค์ความรู้อย่างมาก เริ่มจากโรงกลั่นขนาดเล็กในปี 1980 หรือพ.ศ. 2523 ที่มีกำลังการกลั่น 6.5 หมื่นบาร์เรล เป็น 275,000 บาร์เรลในปัจจุบัน ซึ่งเขาเป็นพลังสำคัญในการขยายโรงกลั่น ออกแบบโรงกลั่น ลงทุนสายการผลิตอะโรเมติกส์ ได้เห็นการเติบโตของไทยออยล์จนเป็นคอมเพล็กซ์โรงกลั่นที่สมบูรณ์ จึงไม่แปลกที่ปตท. จะมอบงานสำคัญๆ ให้กับ “สุกฤตย์” เช่น การควบรวมธุรกิจโรงกลั่นของบริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่นฯ (PTTAR) และธุรกิจปิโตรเคมีของบริษัท ปตท. เคมิคอลฯ (PTTCH) รวมไว้เป็นบริษัทใหม่คือชื่อ พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)

“ผมอยู่ไทยออยล์มา 30 ปี องค์ความรู้ที่มีทั้งหมดตั้งแต่กระบวนการเอ็นจิเนียร์ ดูการผลิตทุกส่วน การตลาด ทำแผนยุทธศาสตร์ ดูการบริหาร-ธุรกิจ ในไทยออยล์ ต่อเนื่องมาที่ IRPC โครงการฟินิกซ์ ทำให้โรงกลั่นเป็นคอมเพล็กซ์ ผมมาต่อยอดเริ่มจากเดลต้า ตามมาด้วยเอฟเวอเรส ซึ่งผมรู้และมั่นใจอะไรทำได้ ไม่ได้ ซึ่งการลงทุนใหญ่ๆ เป็นสิ่งที่ยากที่สุด โดยเฉพาะโครงการฟินิกซ์ ทำตอนที่ IRPC ไม่มีเงิน ความสำเร็จทั้งหมดนี้ถ้าทำให้ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน ชัดเจนจับต้องได้ ชี้ชัดว่าบริษัทได้อะไร พนักงานได้อะไร และแสดงให้เห็นจริงๆ “ผมจึงมั่นใจอีก 3 ปีข้างหน้า IRPC จะถึงยอด EVEREST”

[caption id="attachment_244797" align="aligncenter" width="503"] สุกฤตย์ สุรบถโสภณ[/caption]

“สุกฤตย์” บอกว่า ตัวเขาเป็นผู้บริหารที่เติบโตจากสายตรง (วิศวะเคมี) ถือว่าได้เปรียบ แม้ว่าจะขาดส่วนอื่นคือด้านไฟแนนซ์ สามารถเรียนรู้และเสริมความรู้ด้วยตัวเองจากหนังสือซึ่งเขาใช้เวลาจากการอ่านหนังสือไม่นานนัก เขาพิสูจน์การเรียนรู้นี้ด้วยตัวเองแล้ว

ซีอีโอ คนนี้ยังบอกว่า ความสำเร็จเกิดจากไอเดีย การรู้เท่าทันเทคโนโลยี สำคัญที่สุดคือ คนทำธุรกิจอะไรต้องรู้จริงกับธุรกิจนั้น การนำเอาคนนอกมาช่วยเรียนลัดไปสู่เป้าหมายที่เร็วขึ้น จึงเห็นการจ้างที่ปรึกษาต่าง ๆ มาช่วยคิดช่วยทำ ผลักดันให้ IRPC เป็นหุ้นที่มีผลประกอบการเติบโตยั่งยืนของมหาชน

........................
คอลัมน์ : ขาใหญ่ในตลาดหุ้น /หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับที่ 3,324 วันที่ 21 - 23 ธันวาคม พ.ศ. 2560