กางแผน MQDC ปั้นเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการต้นแบบขยายทั่วเอเชีย ชูจุดเด่นแนวคิดการอยู่อาศัยภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข ระดมแบรนด์ที่พักอาศัยในกลุ่มรองรับลูกค้า 4 เจเนอเรชัน พร้อมผนึกพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลผู้สูงอายุ “เบย์เครสต์” จากแคนาดา
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ให้สัมภาษณ์ว่า โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed-Use Lifestyle ที่ออกแบบให้โครงการที่อยู่อาศัยรายล้อมด้วยผืนป่า และพื้นที่เชิงพาณิชย์ รองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยครอบคลุม 4 กลุ่มวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ โดยมีจุดเด่นที่ธรรมชาติและสังคมอยู่รวมกันภายใต้คอนเซ็ปต์ ความสุขที่แท้จริง บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ บริเวณบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 5 ถึง 7 มูลค่ามากกว่า 90,000 ล้านบาท
“ที่ตั้งโครงการเป็นที่ดินที่ซื้อมาใหม่ทยอยซื้อจนได้ 300 ไร่ เนื่องจากโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้า หรือ สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่สำคัญในอนาคตจะเชื่อมต่อกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จึงต้องรีบมาพัฒนา”
ภายในโครงการฟอเรสเทียส์ ออกแบบพื้นที่ออกเป็น 2 โซนใหญ่ โดยโซนด้านหน้าโครงการ เรียกโซน พับลิก เป็นพื้นที่โครงการอาคารสำนักงานที่มีนวัตกรรม,โรงแรมระดับ 4 ดาว ให้ประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน และช็อปปิ้ง รีเทล เรียกคอมมิวนิตีเซ็นเตอร์ ที่สร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บริการ และแฟมิลี่ไลฟ์เซ็นเตอร์
ส่วนพื้นที่ด้านในเรียก เออร์เบิน โซน จะสร้างเป็นเมืองที่คนทั้ง 4 กลุ่มวัยสามารถอยู่รวมกันได้ ประกอบด้วย 1. คอนโด มิเนียม ไฮไรส์ แบรนด์วิสซ์ดอม มี 2 อาคาร เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 25-35 ปี 2. คอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ แบรนด์ มัลเบอร์รี่ โกรฟ รองรับกลุ่มอายุ 40-45 ปี 3. บ้านเดี่ยวหรือวิลล่าหรู มัลเบอร์รี่ โกรฟ และ 4. ที่พักของผู้สูงอายุ ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ กับผู้ที่ต้องการผู้ดูแล ในส่วนนี้ได้พันธมิตรที่เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านบริหารโครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุชื่อเบย์เครสต์ มาบริหาร
“ฟอเรสเทียส์ถือเป็นโครงการแรกของโลก ที่ออกแบบนำธรรมชาติที่เป็นระบบนิเวศของป่าเข้ามาในเมือง ออกแบบให้เป็นป่าที่มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ในตัวเอง โดยดึงพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทั้งระดับประเทศและระดับโลกเข้ามาร่วมสร้างความสัมพันธ์ของไลฟ์สไตล์ อันหลากหลายเข้ากับระบบนิเวศของผืนป่าที่สมบูรณ์แบบขนาดใหญ่ นำเสนอไอเดียการอยู่อาศัยท่ามกลางสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างระบบนิเวศของผืนป่าที่สมบูรณ์ ได้แก่ Foster & Partners ที่ปรึกษาด้านการออกแบบวางผังและงานสถาปัตยกรรม EEC Engineering Network ร่วมวิจัยและพัฒนางานระบบอาคาร ตามแนวทางของบริษัท ด้านการวางแผนการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ด้านสันทนาการและประสบการณ์เพื่อผู้อยู่อาศัย ร่วมบริหารและให้บริการด้านการบริหารโรงแรม และที่อยู่อาศัย และคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นพันธมิตรเข้ามาร่วมวิจัยในโครงการนี้
โครงการฟอเรสเทียส์นี้จะเริ่มดำเนินการในปีนี้และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 พร้อมวางแผนว่าในอนาคตบริษัทจะนำโมเดลการพัฒนาโครงการฟอเรสเทียส์ไปลงทุนในประเทศต่างๆแถบภูมิภาคเอเชียด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ทั้งนี้ต้องดูระยะเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน
ปัจจุบันความเจริญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี นับว่ามีบทบาทความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก และยังเชื่อมโยงชีวิตและไลฟ์สไตล์ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งท่ามกลางความเจริญด้านวัตถุได้ส่งสัญญาณถึงปัญหาระดับโลกที่กำลังแทรกซึมและส่งผลกระทบต่อโลก อาทิ ระบบนิเวศธรรมชาติเสื่อมถอย เกิดช่องว่างของสมาชิกในครอบครัว สมาชิกต่างคนต่างใช้ชีวิต จนเกิดเป็นความห่างเหิน การเก็บตัว และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า หรือการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสังคมผู้สูงอายุ บริษัทมีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดช่องว่างและสร้างความสุขอย่างยั่งยืน ภายใต้คำมั่นสัญญา “for all well-being” คือความตั้งใจในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิต เพื่อส่งผลดีต่อทุกการดำเนินชีวิต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,332 วันที่ 18 - 20 มกราคม พ.ศ. 2561