บลจ.ลงทุนนอกกระจายเสี่ยง บาทแข็งซื้อของถูก-‘วรรณ’เข็นONE-GLOBFIN ลุยหุ้นแบงก์

04 ก.พ. 2561 | 23:00 น.
บลจ.แห่ลงทุนนอก รับเศรษฐกิจโลกฟื้น บาทแข็ง แนะกระจายความเสี่ยงการลงทุน เหตุตลาดไทยเล็ก ด้าน บลจ.วรรณเข็นฯ ONE-GLOBFIN ลุยหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินทั่วโลก สร้างผลตอบแทนรับแนวโน้มดอกเบี้ยขึ้น

นายธนาวุฒิพรโรจนางกูร หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บางกอกแคปปิตอล จำกัด (BCAP)กล่าวว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะไปลงทุนในต่างประเทศเพราะจะทำให้สามารถซื้อสินทรัพย์ต่างประเทศได้มากขึ้น โดยต้องทยอยซื้อเพื่อลดความเสี่ยงและหากเทียบกับการลงทุนในหุ้นไทยด้วย ก็จะเห็นว่าหุ้นไทยค่อนข้างแพง เพราะศักยภาพในการเติบโตของกำไรในตลาดหุ้นไทยประมาณ 5-8%ตํ่ากว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก

กลยุทธ์การลงทุนหากเป็นระยะยาว นักลงทุนไทยควรที่จะหันไปลงทุนต่างประเทศ ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวหรือไม่ เพราะถือเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น เพราะขนาดของตลาดไทย ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นหรือตลาดตราสารหนี้เล็กมากแค่เพียง 0.5%ของตลาดโลก ดังนั้นการออกไปลงทุนในต่างประเทศจึงเป็นการสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว

“ขณะนี้มีกองทุนประเภทออกไปลงทุนในต่างประเทศ(FIF) ประมาณ 20% ของอุตสาหกรรมรวม ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมาก แต่ต้องเลือกโครงสร้างค่าธรรมเนียมไม่สูงมากด้วย”

ตลาดที่น่าลงทุนจะเป็นที่ยุโรปที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ราคาไม่แพงมาก ส่วนเอเชียจะเป็นเอเชียเหนือ คือจีน เกาหลี ไต้หวัน ที่ Valuation ยังตํ่ากว่าไทย และมีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคต ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเองยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาดูคือการเลือกตั้ง

MP19-3337-A นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณฯ กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะฟื้นตัวต่อเนื่อง จากจุดตํ่าสุดหลังเกิด Financial Crisis ในปี 2552 ซึ่งการฟื้นของเศรษฐกิจจะส่งผลต่อทิศทางเงินเฟ้อให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ตึงตัวขึ้นทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ธนาคารกลางสหรัฐฯเริ่มปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ คาดว่าปีนี้จะขึ้นดอกเบี้ย 2-4 ครั้ง ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป ได้เริ่มทยอยลดปริมาณเงินในระบบและคาดว่าน่าจะถอนมาตรการ QE สิ้นปีนี้ ในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วงครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จะเอื้อให้รายรับของหุ้นกลุ่มการเงินทั่วโลกจะมีโอกาสในการเติบโตตามอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยเชิงมหภาค อาทิ ค่าธรรมเนียม ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจการเงิน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงทางนโยบายทางตลาดการเงินโดยเฉพาะสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ต้นทุนด้านกฎหมายและภาษีนิติบุคคลของกลุ่มสถาบันการเงินลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อโอกาสในการขยายตัวของธุรกิจ

ad-hoon-1 ดังนั้นจึงเป็นโอกาสการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินในต่างประเทศโดยระหว่างวันที่ 31 มกราคม-13กุมภาพันธ์ บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ โกลบอล ไฟแนนเชียล (ONE-GLOBFIN) ลงทุนในกองทุน Black Rock Global- World Financials Fund เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการเติบโตของหุ้นสถาบันการเงินทั่วโลก

นายพจน์ กล่าวว่า กองทุน BGF World Financial ยังมีการ กระจายการลงทุนในกลุ่มสถาบันการเงินที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นทั้งหุ้นขนาดใหญ่ กลางและเล็ก คัดเลือกหุ้นดีในพอร์ตการลงทุนประมาณ 30-50บริษัทโดยปัจจุบันมีนํ้าหนักลงทุนในหุ้นธนาคารพาณิชย์สัดส่วนประมาณ 67% IT service 3.64% และ Consumer Finance 3.75%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,337 วันที่ 4 - 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว