ปตท.กำไรปี 2560 กว่า 1.35 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 หมื่นล้านบาท หรือ 42% มากกว่าคาด เผยทุกธุรกิจในเครือทะยาน รับกำไรสต็อคน้ำมันเพิ่มตามราคาน้ำมันดิบพุ่ง เผยค่าพี/อีลดฮวบเหลือ 10.48 เท่า
- 20 ก.พ. 61 - บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) รายงานผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 4 ปี 2560 มีกำไรสุทธิ 35,364 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13,033 ล้านบาท หรือ 58.40% จากไตรมาสที่ 3/2560 ที่มีกำไรรสุทธิ 22,331 ล้านบาท ส่งผลให้งวดปี 2560 PTT มีกำไรสุทธิ 135,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40,571 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42.90% จาก 94,609 ล้านบาทในปี 2559 กำไรต่อหุ้น 46.74 บาท เพิ่มขึ้นจาก 32.68 บาทต่อหุ้น
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า กำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 สาเหตุมาจากการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของบริษัท ปตท.สำารวจและผลิตปิโตรเลียม จำากัด (มหาชน) (PTTEP) ใน Q3/2560 โดยใน Q4/2560 ธุรกิจสำารวจและผลิตฯ มีผลการดำเนินงานตามปกติที่สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนตามปริมาณและราคาขายที่ ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯปรับสูงขึ้นตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการหยุดซ่อมบำรุงย่อยตามแผนที่น้อยกว่าไตรมาสก่อน
ใน Q4/2560 โรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 6 มีการเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิต รวมถึงผลการดำเนินงานภาพรวมของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นดีขึ้น โดยหลักจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ราคาปิโตรเคมีปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ทำให้กำไรไรขั้นต้นต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์ตามราคาตลาดเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามธุรกิจการกลั่นปรับตัวลดลงจากค่าการกลั่นทางบัญชี ที่ปรับลดตามส่วนต่างราคาผลิต ภัณฑ์ปิโตรเลียมกับวัตถุดิบ ที่ลดลงในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ แม้ว่ามีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสูงกว่าไตรมาสก่อนตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ไตรมาสนี้กลุ่มปตท.ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงของตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า ส่วนปี 2560 ผลการดำเนินงานดีขึ้นในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในส่วนธุรกิจที่ปตท.ดำเนินการเองโดย เฉพาะธุรกิจก๊าซธรรมชาติและบริษัทในกลุ่มปตท. โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ Accounting GRM เพิ่มขึ้นตามกำไรขั้นต้นจากการกลั่นไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า แม้ว่ากำไรจากสต็อกน้ำมันจะปรับลดลง อีกทั้งราคาปิโตรเคมีก็ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ Market P2F เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากต้นทุนราคา ก๊าซธรรมชาติที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์ตามราคาอ้างอิงปรับตัวสูงขึ้น และผลกาดำเนินงานของ PTTEP ปรับดีขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ลดลงตามการปรับปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่ เพิ่มขึ้น
“อีกทั้งปีนี้ยังมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ และมีกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงของตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น แม้จะมีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ โดยหลักของ PTTEP ธุรกิจถ่านหินของบริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด (PTTGM) และ บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC)”
ราคาหุ้น PTT ปิดตลาดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ 490 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท ผลจากกำไรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าพี/อี หุ้น PTT ลดเลงจาก 15 เท่าเหลือเพียง 10.48 เท่า ขณะที่บล.เมย์แอบงก์กิมเอ็ง(ประเทศไทย) คาดว่า PTT จะมีกำไรสุทธิปี 2560 จำนวน 1.14 แสนล้านบาทเท่านั้น กำไรต่อหุ้น 42.27 บาท
บริษัทปตท. (PTT) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 มีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี2560 ในอัตราหุ้นละ 12 บาท ปิดสมุดทะเบียนวันที่ 6 มีนาคม 2561 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 27 เมษายน 2561
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่หุ้นของบริษัท โดยจะเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ในวันที่ 12 เมษายน 2561 เพื่อพิจารณาต่อไป