อีโคคาร์ 2 รุมขย่ม‘ยาริส’ ‘มาสด้า-ซูซูกิ-มิตซูบิชิ’ ปั้นแคมเปญ-เพิ่มออพชัน

03 มี.ค. 2561 | 09:24 น.
“โตโยต้า ยาริส” หลุดฟอร์มหลังยอดขายเดือนแรกของปี 2561 ทำได้ 4,200 คัน ตํ่ากว่าเป้าหมายหรือน้อยกว่าเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดนคู่แข่งในกลุ่มอีโคคาร์ เฟส2 กระหนํ่าทั้ง “มาสด้า2” เพิ่มออพชันแต่กดราคาเดิม ด้าน“สวิฟท์ โฉมใหม่” เปิดตัวไม่ถึงเดือนแต่กวาดยอดจองกว่า 2,500 คัน

หลายค่ายรถยนต์เริ่มตบเท้าเข้าสู่โครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ด้วยเงื่อนไขตัวรถอันเข้มงวดทั้งการปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัม/กม. อัตราบริโภคนํ้ามันไม่น้อยกว่า 23.3 กม./ลิตร รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อแลกกับการสนับสนุนด้านภาษีของรัฐบาล

ในกลุ่มอีโคคาร์ เฟส 2 ทั้ง มิตซูบิชิ มิราจ/แอททราจ,มาสด้า2 และล่าสุด ซูซูกิ สวิฟท์ โฉมใหม่ ปีนี้ยังตั้งเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทว่าเจ้าใหญ่ยอดขายเยอะอย่าง “โตโยต้า” ที่ครองส่วนแบ่งในตลาดอีโคคาร์ กว่า 30% ด้วย ยาริส แฮตช์แบ็ก และ ยาริส เอทีฟ ตัวถังซีดาน ยังปักหลักอยู่ในอีโคคาร์ เฟส1 (เพราะเปิดตัวทีหลังสุด) และเคยประกาศว่า ยอดขายรวมของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นจะอยู่ประมาณ 7,000 คันต่อเดือน

แม้ยอดขายโตโยต้าอีโคคาร์ ช่วงปลายปีที่แล้วจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือในเดือนธันวาคม 2560 มีตัวเลขรวมกว่า 7,000 คัน แต่ประเดิมต้นปี 2561 กลับพบว่ายาริส แฮตช์แบ็ก และ เอทีฟ ปิดยอดรวมได้ประมาณ 4,200 คันเท่านั้น

MP32-3344-AA อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมยอดขายในเดือนมกราคม 2561 ของยาริส 2 ตัวถัง ยังถือว่าทิ้งห่างคู่แข่งพอสมควร เช่น “นิสสัน” ที่มีอีโคคาร์เฟส 1 ในมือ 3 โมเดล คือ โน๊ต มาร์ช อัลเมร่า ขายรวมกัน 2,793 คัน โต 75% ส่วน “มาสด้า2” ซีดานและแฮตช์แบ็กทำได้รวม 2,436 คัน เติบโต 31%

ล่าสุด มาสด้ายังเกาะกระแสขาขึ้นของตลาด ด้วยการเปิดตัว “มาสด้า2 โมเดลปี 2018” ที่เพิ่มออพชันอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยมากขึ้นแต่ยังคงราคาขายเดิม ไล่ตั้งแต่ ระบบเชื่อมต่อโลกการสื่อสาร MZD Connect, ระบบไฟหน้า เปิด-ปิด แบบอัตโนมัติ, ไฟหน้าแบบ LED โปรเจ็กเตอร์ พร้อม Daytime Running Light,ที่ปัดนํ้าฝนกระจกหน้าแบบอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วคงที่, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ

ตลอดจนหน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี และเพิ่มตัวถังสีแดงใหม่ โซลเรด คริสตัล (สีนี้เพิ่มเงิน 12,000 บาท) พร้อมแถมฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี และ Mazda Care Program 3

ขณะที่ซูซูกิ เพิ่งปล่อย“สวิฟท์ โฉมใหม่” ลงสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเริ่มทยอยส่งมอบรถให้ลูกค้าจริงจังตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป พร้อมตั้งเป้ายอดขายถึงสิ้นปี 2561 เอาไว้ 15,700 คัน (ไม่รวมเป้าหมายการขายของ เซียส 12,000 คัน, แครี่ 3,000 คัน, เซเลริโอ 1,800 คัน และเออร์ติก้า 1,500 คัน)

ทั้งนี้ ซูซูกิปูพรมเดินหน้าจัดกิจกรรมเปิดตัว “สวิฟท์ โฉมใหม่” ในทุกโชว์รูม 120 แห่งทั่วประเทศ และมาพร้อมแคมเปญพิเศษเช่น ลูกค้าที่ขับสวิฟท์รุ่นเก่าเมื่อกลับมาซื้อรุ่นใหม่ รับฟรีคูปองเงินสด 20,000 บาท เพื่อนำไปแลกซื้อชุดแต่ง หรือจะนำเงินจำนวนนี้เปลี่ยนเป็นส่วนลดเลยก็ได้ รวมถึงแคมเปญทางการเงิน My Way ผ่อนเริ่มต้น 3,999 บาทต่อเดือนกับธนาคารเกียรตินาคิน (แล้วไปเพิ่มค่างวดในปีท้ายๆ กรณีที่ลูกค้ามั่นใจว่าจะมีรายได้มากขึ้น)

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์ ล่าสุดตรวจสอบยอดจองถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ (เปิดตัว 8 ก.พ.) มีตัวเลขเข้ามากว่า 2,500 คัน มากกว่าที่ ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย คาดหมายเอาไว้ ส่วนรุ่นท็อป GLX-Navi CVT ราคา 6.29 แสนบาท หากเพิ่งตัดสินใจจองอาจจะได้รับรถในเดือนพฤษภาคมนี้

ขณะที่มิตซูบิชิเปิดแพ็กเกจ “5 ปี ดูแลดีถึงใจ” เมื่อซื้อรถแอททราจและมิราจ แถมฟรี ทั้งค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นาน 5 ปี และประกันภัยชั้น1 ฟรี 1 ปี พร้อมรับประกันคุณภาพ และฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้มูลค่าเกือบ 5 หมื่นบาท (ไม่รวมส่วนลดและของแถม อื่นๆ)

“เราพบว่ามีลูกค้าเพิ่มขึ้น 20 % เมื่อคลอดแพ็กเกจ 5 ปีดูแลดีถึงใจออกมา ขณะที่แอททราจเป็นรถที่มีราคาเหมาะสม-ออพชันคุ้มค่าเหนือกว่าคู่แข่งในตลาด และมีการสนับสนุนจากไฟแนนซ์ ทำให้มั่นใจว่ายอดขายอีโคคาร์ของเราในปีนี้ยังคงเติบโต แม้ว่าการแข่งขันจะดุเดือดมากขึ้นก็ตาม” นายเอกอธิ รัตนอารี กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,344 วันที่ 1 - 3 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว