อีอีซีดี โรดโชว์ 5 ประเทศ เล็ง 24 บริษัทชั้นนำดึงลงทุนนวัตกรรมดิจิตอล
กระทรวงดีอี โหมโรดโชว์ 5 ประเทศทั้ง สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน ดึงนักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย 24 บริษัท ลงทุนในพื้นที่อีอีซีดี สร้างนวัตกรรมดิจิตอล พร้อมเปิดทีโออาร์รัฐร่วมทุนกับเอกชนได้ในเดือน ต.ค.นี้
มีความคืบหน้าเป็นลำดับ สำหรับการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิตอลหรืออีอีซีดี (Digital Park Thailand) ซึ่งได้ประกาศเป็นเขตส่งเสริมพิเศษบนเนื้อที่ 709 ไร่ บริเวณอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยกำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายประกอบด้วย 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะซอฟต์แวร์และระบบอัตโนมัติ บริการด้านดิจิตอล อุปกรณ์และบริการสื่อสาร ข้อมูลและเนื้อหาดิจิตอล และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล ครอบคลุมประเภทกิจการ 54 กิจการที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ เพื่อเปิดให้ภาคเอกชนยื่นข้อเสนอการพัฒนาพื้นที่โครงการในรูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมทุนในกิจการของรัฐ(พีพีพี) คาดว่าจะแล้วเสร็จ และสามารถประกาศเชิญชวนออกทีโออาร์ ได้ประมาณเดือนตุลาคม 2561 นี้ เพื่อคัดเลือกเอกชนให้ได้ภายในเดือนธันวาคม 2561 และลงนามในช่วงต้นปี 2562 รวมถึงการจัดตั้งสถาบันไอโอที เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิตอลแห่งอนาคต ใช้เป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิตอล ที่ขณะนี้เริ่มเข้าสู่การดำเนินงานขั้นตอนก่อสร้างแล้ว ด้วยงบประมาณ 3,699 ล้านบาท แล้วเสร็จในปี 2564
แหล่งข่าวจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(กระทรวงดีอี) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในการดำเนินงานอีอีซีดี ได้รายงานความคืบหน้าให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทราบเป็นระยะ โดยเฉพาะการชักชวนนักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย เพื่อมาลงทุนในพื้นที่อีอีซีไอนั้น ในปี 2561 มีแผนที่จะดำเนินงานใน 5 ประเทศประกอบด้วย ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลี และญี่ปุ่น มีนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายราว 24 ราย โดยในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการออกไปเชิญชวนนักลงทุนหรือโรดโชว์ที่ไต้หวันแล้ว โดยมีนักลงทุนที่สนใจประกอบด้วย บริษัท เอ็มไอซีฯ บริษัท ไมโครซอฟท์ฯ สาขาไต้หวัน บริษัท บริษัท เอซุสฯ (ASUS)
ขณะที่ในเดือนกรกฎาคมนี้ มีแผนที่จะไปโรดโชว์ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีกลุ่มนัก
ลงทุนเป้าหมาย เช่น บริษัท Honeywell , ไอบีเอ็ม , Facebook, บริษัท แอปเปิล อิงค์, CISCO, IDEO, ศูนย์การวิจัยขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกาหรือนาซ่า เป็นต้น
อีกทั้งในช่วงต้นเดือนสิงหาคมปีนี้ จะเดินทางไปโรดโชว์ ที่ประเทศจีน เพื่อเชิญชวนนักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย เช่น บริษัท China Mobile, HUAWEI, ZTE และ HAX เป็นต้น และในช่วงกลางเดือนสิงหาคม จะไปโรดโชว์ที่ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเชิญชวน นักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย เช่น บริษัท SK telecom, บริษัทโทรคมนาคมเกาหลีหรือ Kt, บริษัท LG CNS, และบริษัท ซัมซุงฯ เป็นต้น และในช่วงเดือนกันยายน จะเดินทางไปโรดโชว์ประเทศญี่ปุ่น โดยเชิญชวนนักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย เช่น บริษัท VIVITA,บริษัท DENSO, บริษัท NHN Japan หรือ LINE, บริษัท มิตซูบิชิฯ, บริษัท Nippon Telegraph and Telephone หรือ NTT เป็นต้น
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ส่วนการก่อสร้างสถาบันไอโอที ถือเป็น 1 ในโครงการที่สำคัญในอีอีซีดีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้างและปรับพื้นที่ และจะเริ่มก่อสร้างอาคารแรกขนาด 3 พันตารางเมตรในเดือนสิงหาคม 2561 จากทั้งหมด 6 หมื่นตารางเมตร โดยภาครัฐจะลงทุนในส่วนของพื้นที่อาคาร โครงสร้างพื้นฐานดิจิตอลที่เป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิตอล เช่น สนามทดสอบยานยนต์ไร้คนขับ และระบบขนส่งส่วนบุคคลอัจฉริยะ ห้องทดสอบเครื่องบินขนาดเล็ก เป็นต้น โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2564
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,382 วันที่ 12-14 ก.ค. 2561
มีความคืบหน้าเป็นลำดับ สำหรับการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิตอลหรืออีอีซีดี (Digital Park Thailand) ซึ่งได้ประกาศเป็นเขตส่งเสริมพิเศษบนเนื้อที่ 709 ไร่ บริเวณอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยกำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายประกอบด้วย 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะซอฟต์แวร์และระบบอัตโนมัติ บริการด้านดิจิตอล อุปกรณ์และบริการสื่อสาร ข้อมูลและเนื้อหาดิจิตอล และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล ครอบคลุมประเภทกิจการ 54 กิจการที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ เพื่อเปิดให้ภาคเอกชนยื่นข้อเสนอการพัฒนาพื้นที่โครงการในรูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมทุนในกิจการของรัฐ(พีพีพี) คาดว่าจะแล้วเสร็จ และสามารถประกาศเชิญชวนออกทีโออาร์ ได้ประมาณเดือนตุลาคม 2561 นี้ เพื่อคัดเลือกเอกชนให้ได้ภายในเดือนธันวาคม 2561 และลงนามในช่วงต้นปี 2562 รวมถึงการจัดตั้งสถาบันไอโอที เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิตอลแห่งอนาคต ใช้เป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิตอล ที่ขณะนี้เริ่มเข้าสู่การดำเนินงานขั้นตอนก่อสร้างแล้ว ด้วยงบประมาณ 3,699 ล้านบาท แล้วเสร็จในปี 2564
แหล่งข่าวจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(กระทรวงดีอี) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในการดำเนินงานอีอีซีดี ได้รายงานความคืบหน้าให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทราบเป็นระยะ โดยเฉพาะการชักชวนนักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย เพื่อมาลงทุนในพื้นที่อีอีซีไอนั้น ในปี 2561 มีแผนที่จะดำเนินงานใน 5 ประเทศประกอบด้วย ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลี และญี่ปุ่น มีนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายราว 24 ราย โดยในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการออกไปเชิญชวนนักลงทุนหรือโรดโชว์ที่ไต้หวันแล้ว โดยมีนักลงทุนที่สนใจประกอบด้วย บริษัท เอ็มไอซีฯ บริษัท ไมโครซอฟท์ฯ สาขาไต้หวัน บริษัท บริษัท เอซุสฯ (ASUS)
ขณะที่ในเดือนกรกฎาคมนี้ มีแผนที่จะไปโรดโชว์ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีกลุ่มนัก
ลงทุนเป้าหมาย เช่น บริษัท Honeywell , ไอบีเอ็ม , Facebook, บริษัท แอปเปิล อิงค์, CISCO, IDEO, ศูนย์การวิจัยขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกาหรือนาซ่า เป็นต้น
อีกทั้งในช่วงต้นเดือนสิงหาคมปีนี้ จะเดินทางไปโรดโชว์ ที่ประเทศจีน เพื่อเชิญชวนนักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย เช่น บริษัท China Mobile, HUAWEI, ZTE และ HAX เป็นต้น และในช่วงกลางเดือนสิงหาคม จะไปโรดโชว์ที่ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเชิญชวน นักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย เช่น บริษัท SK telecom, บริษัทโทรคมนาคมเกาหลีหรือ Kt, บริษัท LG CNS, และบริษัท ซัมซุงฯ เป็นต้น และในช่วงเดือนกันยายน จะเดินทางไปโรดโชว์ประเทศญี่ปุ่น โดยเชิญชวนนักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย เช่น บริษัท VIVITA,บริษัท DENSO, บริษัท NHN Japan หรือ LINE, บริษัท มิตซูบิชิฯ, บริษัท Nippon Telegraph and Telephone หรือ NTT เป็นต้น
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ส่วนการก่อสร้างสถาบันไอโอที ถือเป็น 1 ในโครงการที่สำคัญในอีอีซีดีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้างและปรับพื้นที่ และจะเริ่มก่อสร้างอาคารแรกขนาด 3 พันตารางเมตรในเดือนสิงหาคม 2561 จากทั้งหมด 6 หมื่นตารางเมตร โดยภาครัฐจะลงทุนในส่วนของพื้นที่อาคาร โครงสร้างพื้นฐานดิจิตอลที่เป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิตอล เช่น สนามทดสอบยานยนต์ไร้คนขับ และระบบขนส่งส่วนบุคคลอัจฉริยะ ห้องทดสอบเครื่องบินขนาดเล็ก เป็นต้น โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2564
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,382 วันที่ 12-14 ก.ค. 2561
