เมียนมาหนุนแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน

21 ก.พ. 2559 | 00:00 น.
หนังสือพิมพ์เมียนมาอีเลฟเว่น รายงานว่ารัฐบาลเมียนมา เริ่มโครงการส่งเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ตั้งเป้าพัฒนาในพื้นที่ 7 แห่งเริ่มแห่งแรกในปีนี้ที่เขตมะกวย

นายซาน ตุน (San Htun) ผู้นำหมู่บ้านในเขตมะกวยที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กล่าวว่ามี 4 หมู่บ้านที่เข้าร่วมในโครงการแล้วโดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัท ActionAid Myanmar and Journey Adventure Travel โดยโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านมากเนื่องจากชุมชนที่เข้าร่วมโครงการมีปัญหาทางด้านอาชีพเพราะเป็นเขตที่ฝนไม่ตกทำให้ไม่สามารถปลูกพืชได้ หญิงสาวในหมู่บ้านต้องไปทำงานขายเบียร์ในเมือง

เจ้าหน้าที่ของบริษัท ActionAid ให้สัมภาษณ์เมียนมาอีเลฟเว่นว่า โครงการนี้เตรียมการณ์มา 3 ปีแล้วและเริ่มมีการนำนักท่องเที่ยว 150 คนเข้าพักในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาโดยนักท่องเที่ยวจ่ายค่าที่พักอาหารรายละประมาณ 360 บาทต่อคืนและชาวบ้านยังสามารถขายสินค้าหัตถกรรม และของที่ระลึกได้อีกด้วย

เมียนมาอีเลฟเว่นระบุว่าโครงการแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่เขตมะกวย ตั้งเป้าให้ได้นักท่องเที่ยว 1,500 คนต่อปี ทำเงินให้หมู่บ้านอย่างน้อย 540,000 บาทเพื่อนำไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานและช่วยเหลือสังคมโดยมีโครงการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กอยู่ด้วย

โครงการต่อไปจะเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวชุมชนในเขตพุกามและมัณฑะเลย์ โดยนาย คิน ธั่น วินผู้อำนวยการส่งเสริมการท่องเที่ยวของกระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวของเมียนมากล่าวว่า เขตพุกามและมัณฑะเลย์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรม โดยการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวชุมชนนั้นทางกระทรวงมีแผนจะพัฒนา 7 ชุมชนใน 4 เขตโดยมีบริษัทท่องเที่ยวและหน่วยงานเอ็นจีโอต่างชาติเป็นผู้สนับสนุน

แหล่งท่องเที่ยวชุมชนในโครงการอื่น คือหมู่บ้านปะโอ ในรัฐฉาน มีบริษัท GIZ ของเยอรมนีเป็นแม่งาน หมู่บ้านในทะเลสาบอินดอยี ในรัฐคะฉิ่น มีบริษัท Fauna & Flora International เป็นแม่งาน หมู่บ้านทัน ตองยีในรัฐ คะยิ่น มี มูลนิธิ Hanns Seidei และ PeaceNexus เป็นแม่งาน นอกจากนี้ยังชุมชนในรัฐกะยา มีบริษัท International Trade Centre เป็นแม่งาน

นอกจากแหล่งท่องเที่ยวชุมชนแล้ว ยังมีโครงการพาท่องเที่ยวดูปลาโลมาอิรวดี ที่มัณฑะเลย์โดยได้รับการช่วยเหลือจากสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เช่นกัน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,132 วันที่ 18 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559