ธุรกิจออนไลน์วอลมาร์ตชะลอ นักวิเคราะห์ชี้เสียเปรียบคู่แข่งทั้งราคาและจำนวนสินค้า

25 ก.พ. 2559 | 08:00 น.
หลังจากทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เน้นพัฒนาธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ แต่ยอดขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ของวอลมาร์ตกลับมีแนวโน้มชะลอตัวลงในไตรมาสที่ผ่านมา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วอลมาร์ต บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของโลก กล่าวในการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 ว่า ยอดขายจากธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไตรมาสดังกล่าวเพิ่มขึ้นเพียง 8% ลดลงจากอัตราการเติบโต 16% ในไตรมาส 2 และ 10% ในไตรมาส 3 ปี 2558

วอลมาร์ตให้เหตุผลของการเติบโตที่ชะลอตัวลงของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซว่าเป็นผลจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักร รวมถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในบราซิลและจีน ส่วนในตลาดสหรัฐฯ วอลมาร์ตกล่าวเพียงว่ายอดขายทางออนไลน์เติบโตรวดเร็วกว่าอัตราโดยรวมของทั้งบริษัท อย่างไรก็ตาม ด้วยเป้าหมายเงินลงทุนกับอี-คอมเมิร์ซกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ นักลงทุนเริ่มตั้งข้อกังขา

กูรู ฮาริฮาราน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วิจัย บูมเมอแรง คอมเมิร์ซ กล่าวว่า แม้ว่าวอล-มาร์ตจะทุ่มเงินพัฒนาธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ แต่ยังไม่สามารถเทียบเท่าอเมซอนในแง่ของราคาและตัวเลือกสินค้า โดยในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมา อเมซอนสามารถเอาชนะเว็บไซต์วอลมาร์ตได้ในประเภทสินค้าหลักๆ อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ ของเล่น และเครื่องใช้ภายในบ้าน นอกจากนี้ เว็บไซต์ของทาร์เก็ต ซึ่งเป็นคู่แข่งของวอลมาร์ตในธุรกิจซูเปอร์สโตร์ ยังจำหน่ายสินค้าบางรายการในราคาที่ถูกกว่า ขณะที่อเมซอนมีตัวเลือกสินค้ามากกว่าวอลมาร์ต ดอต คอม มากในทุกประเภทสินค้า

"ผมจะเข้าเว็บไซต์วอลมาร์ต ดอต คอม และซื้อสินค้าที่นั่นทำไมในเมื่อมีสินค้าราคาถูกกว่าและตัวเลือกมากกว่าบนเว็บไซต์อเมซอน วอลมาร์ตต้องค้นหาตัวตนและจุดยืนของตนเอง พวกเขาไม่สามารถแข่งขันด้วยราคาถูกที่สุดและตัวเลือกมากที่สุดกับอเมซอนได้อีกต่อไป" ฮาริฮารานกล่าว

ขณะเดียวกัน อเมซอนกล่าวเมื่อเดือนก่อนว่า ยอดขายในไตรมาส 4 ของปี 2558 เพิ่มขึ้น 20% เป็น 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ตลาดค้าปลีกโดยรวมของสหรัฐฯ มียอดขายจากทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 9% เป็น 1.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส จากการประเมินของสมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า ด้านหนึ่งที่วอลมาร์ตมีความได้เปรียบ คือ สินค้าประเภทของชำ โดยวอลมาร์ตขยายบริการขายสินค้าชำออนไลน์ออกไปกว่า 150 จุดในตลาด 20 แห่งในสหรัฐฯ ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อสินค้าและไปรับที่ร้านค้าได้โดยไม่ต้องลงจากรถ "ถ้ามีด้านหนึ่งที่วอลมาร์ตรู้จักตลาดสหรัฐฯ คือ ตลาดสินค้าชำผมคิดว่า มันสมเหตุผลที่จะเดินหน้าธุรกิจนี้ต่อไป" โรเบิร์ต เดอร์บุล นักวิเคราะห์จากโนมูระ ซีเคียวริตีส์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ฮาริฮารานกล่าวว่า คู่แข่งรายอื่นก็ไม่ได้ตามหลังวอลมาร์ตในธุรกิจสินค้าชำออนไลน์มากนัก อเมซอนกำลังทดลองบริการส่งสินค้าชำ และกูเกิลมีโอกาสที่จะก้าวเข้ามาลงเล่นในตลาดแห่งนี้ด้วยรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง "วอลมาร์ตนำหน้าคู่แข่งอยู่ 5-10 ปีในตลาดสินค้าชำ พวกเขาจำเป็นต้องเร่งผลักดันธุรกิจนี้ เพราะการแข่งขันกับอเมซอนในเรื่องราคาเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก

ขณะเดียวกัน วอลมาร์ตรายงานยอดขายร้านค้า ที่เปิดมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปีในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.6% ในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมลดลง 1.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เหลือ 1.297 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำไรลดลง 7.9% เหลือ 4.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกันนี้ วอลมาร์ตปรับลดคาดการณ์การเติบโตรายได้ในปีงบประมาณปัจจุบันลงเหลือ 0% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 3-4%

กำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจในต่างประเทศลดลง 19% เหลือ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผลของการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ การปิดร้านค้า 115 แห่งในละตินอเมริกา และสภาพธุรกิจที่ยากลำบากในตลาดจีน สหราชอาณาจักรและบราซิล ส่วนธุรกิจในเม็กซิโกและแคนาดามีผลงานที่ดีในไตรมาสก่อน

เมื่อเดือนก่อน วอลมาร์ตประกาศแผนการปิดร้านค้า 269 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึง 154 แห่งในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบกับพนักงาน 16,000 คน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,134 วันที่ 25 - 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559