พี่เบิ้ม 'แลนด์แอนด์เฮ้าส์' ฟันธง! ตลาดอสังหาฯ โตลดลง
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุ ปี 2562 อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศขยายตัวลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อน อีกทั้งปัจจัยลบกระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์ เช่น มาตรการควบคุมสินเชื่อจากธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งผลทำให้ภาพรวมการเปิดตัวโครงการปีนี้มีสัดส่วนที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะโปรดักส์ที่ออกสู่ตลาดจะเน้นแนวราบมากกว่าแนวสูง เพราะต้องการกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง
สำหรับบริษัทมั่นใจว่า จะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา 10% โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ เน้นแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ มูลค่ารวม 29,960 ล้านบาท แยกเป็น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 14 โครงการ ส่วนต่างจังหวัดมีเพียง 2โครงการ ขณะงบลงทุน 10,000 ล้านบาท แยกเป็น งบซื้อที่ดิน 7,000 ล้านบาท และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพี่อการให้เช่าอีก 3,000 ล้านบาท
นายอดิศร กล่าวต่อว่า ส่วนยอดจองปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 33,000 ล้านบาท เป้ายอดรับรู้รายได้ 37,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากธุรกิจเพื่อการขาย 32,000 ล้านบาท และเพื่อการให้เช่า 5,000 ล้านบาท ด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2561 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีหนี้เงินกู้สุทธิจำนวน 43,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 86% และมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 2.46% ในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายจ่ายด้านการลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายจ่ายในการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยประมาณ 6,000 ล้านบาท และรายจ่ายในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าประมาณ 4,000 ล้านบาท
ในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขายอพาร์ทเมนท์ ชื่อ "The Domain Residence" ในรัฐแคลิฟอเนีย ในราคา 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,480 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 41.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,317 ล้านบาท ส่วนในปีใหม่นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขายโรงแรมอีก 1 แห่ง เข้ากอง REIT นอกจากนี้ บริษัทฯ ก็มีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวนประมาณ 12,000 ล้านบาท คาดว่า ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ จะมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อสิ้นปี 2561
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2561 ที่ผ่านมา ตั้งแต่ ม.ค. - พ.ย. 2561 ยอดบ้านจดทะเบียนเพิ่มประเภทจัดสรร มีจำนวนรวมทั้งหมด 90,694 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.2% เทียบกับช่วงเวลา 11 เดือนของปี 2560 (มีจำนวน 87,913 หน่วย) ประมาณการบ้านจดทะเบียนเพิ่มเฉพาะที่จัดสรรที่เกิดขึ้นทั้งปี 2561 มีจำนวนรวม 97,800 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับทั้งปี 2560 (มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 94,159 หน่วย)
สำหรับบริษัทมั่นใจว่า จะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา 10% โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ เน้นแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ มูลค่ารวม 29,960 ล้านบาท แยกเป็น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 14 โครงการ ส่วนต่างจังหวัดมีเพียง 2โครงการ ขณะงบลงทุน 10,000 ล้านบาท แยกเป็น งบซื้อที่ดิน 7,000 ล้านบาท และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพี่อการให้เช่าอีก 3,000 ล้านบาท
นายอดิศร กล่าวต่อว่า ส่วนยอดจองปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 33,000 ล้านบาท เป้ายอดรับรู้รายได้ 37,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากธุรกิจเพื่อการขาย 32,000 ล้านบาท และเพื่อการให้เช่า 5,000 ล้านบาท ด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2561 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีหนี้เงินกู้สุทธิจำนวน 43,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 86% และมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 2.46% ในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายจ่ายด้านการลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายจ่ายในการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยประมาณ 6,000 ล้านบาท และรายจ่ายในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าประมาณ 4,000 ล้านบาท
ในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขายอพาร์ทเมนท์ ชื่อ "The Domain Residence" ในรัฐแคลิฟอเนีย ในราคา 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,480 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 41.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,317 ล้านบาท ส่วนในปีใหม่นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขายโรงแรมอีก 1 แห่ง เข้ากอง REIT นอกจากนี้ บริษัทฯ ก็มีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวนประมาณ 12,000 ล้านบาท คาดว่า ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ จะมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อสิ้นปี 2561
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2561 ที่ผ่านมา ตั้งแต่ ม.ค. - พ.ย. 2561 ยอดบ้านจดทะเบียนเพิ่มประเภทจัดสรร มีจำนวนรวมทั้งหมด 90,694 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.2% เทียบกับช่วงเวลา 11 เดือนของปี 2560 (มีจำนวน 87,913 หน่วย) ประมาณการบ้านจดทะเบียนเพิ่มเฉพาะที่จัดสรรที่เกิดขึ้นทั้งปี 2561 มีจำนวนรวม 97,800 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับทั้งปี 2560 (มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 94,159 หน่วย)
