"ฮิลล์ อาเซียน" เผย 6 ชาติอาเซียนต้องการ IoT ช่วยซื้อสินค้า

25 ม.ค. 2562 | 02:00 น.
'ฮิลล์ อาเซียน' เผยผลวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค 6 สัญชาติอาเซียนมีความต้องการเทคโนโลยี IoT มาช่วยตัดสินใจการช้อปปิ้งและจะเข้าสู่ยุคไร้จอมากขึ้น แนะแบรนด์ควรเตรียมตั้งรับเทคโนโลยีดังกล่าวที่จะมาถึงโดยเน้น 3 ด้านสำคัญ

(กลาง) คุณโกโร โฮคาริ กรรมการผูัจัดการ ฮิลล์ อาเซียน ถ่ายภาพร่วมกันในงาน ASEAN SEI-KATSU-SHA FORUM 2019

นายโกโร โฮคาริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮาคูโฮโด อิงค์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการเก็บข้อมูลของฮิลล์ อาเซียนซึ่งเป็นศูนย์วิจัยของบริษัท ในเรื่องของเทคโนโลยี IoT ของ 6 ชาติอาเซียน ประกอบด้วย ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์  พบว่าข้อมูลดังกล่าวได้สะท้อนว่าเทคโนโลยี IoT จะเข้ามามีบทบาทสำคัญและเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้บริโภคมากขึ้น และเมื่อ IoT ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย จะเกิดสื่อรูปแบบใหม่ที่เราเรียกว่า Assistive Media ซึ่งจะช่วยสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที และนำไปสู่พฤติกรรมการช้อปปิ้งแบบใหม่ที่ต่างไปจากเดิม

“ผู้บริโภคในประเทศอาเซียนต่างเหนื่อยล้ากับภาวะข้อมูลจำนวนมากเช่นเดียวกับในภูมิภาคอื่น และมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจมาก จึงมีความต้องการให้มีเครื่องมือเข้ามาช่วยจัดการกับข้อมูลเหล่านี้ รวมถึงช่วยในกระบวนการตัดสินใจซื้อ อีกทั้งยังพบว่าผู้บริโภคอาเซียนมีแนวโน้มจะยอมรับคำแนะนำและการช่วยเหลือจากเทคโนโลยี IoTและ AI ได้ง่าย”

บรรยากาศในงานแถลงข่าว ASEAN SEI-KATSU-SHA FORUM 2019(2)

ทั้งนี้เทคโนโลยี IoT จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง 3 ประการ คือ1. การมาถึงของยุคไร้จอ Beyond the screen  เมื่อ IoT แพร่หลายมากขึ้น โลกดิจิทัลที่เคยอยู่แต่บนจอจะก้าวข้ามรูปแบบของหน้าจอไปโดยเทคโนโลยีดิจิทัลจะแผ่ขยายไปอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รถยนต์ ระบบเมือง และโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมแทน

2.การสั่งสมฐานข้อมูล Me Data เมื่อ IoT แพร่หลายมากขึ้น ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผู้บริโภคในด้านพฤติกรรมในอดีต ประวัติการสั่งซื้อ ความชื่นชอบ หรือข้อจำกัดใดๆ จะถูกเก็บสะสมอยู่ในอุปกรณ์ IoT ซึ่งเทคโนโลยี IoT จะสะสมข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้บริโภค (Me Data) และมีศูนย์กลางการควบคุมเพียง 1 ไอดีเท่านั้น  3. การให้คำแนะนำที่ตรงใจ Me Data เมื่อมีการเก็บข้อมูลได้มากขึ้นเท่าใด AI ก็จะสามารถให้คำแนะนำที่โดนใจผู้ใช้งานได้ดีมากขึ้นเท่านั้น

 

image015

ขณะเดียวกันสื่อรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจะเน้นการจับคู่ผู้บริโภคเข้ากับสินค้าและบริการตามความชื่นชอบของแต่ละคน (Match-Me Journey) คือ ผู้บริโภคจะไม่เป็นฝ่ายศึกษาหรือเปรียบเทียบข้อมูลสินค้าแล้วค่อยตัดสินใจเลือกซื้อสิ่งที่ดีที่สุดด้วยตนเองอีกต่อไป แต่จะได้รับการแนะนำเกี่ยวกับสินค้าและบริการน่าซื้อจากระบบ AI แล้วจึงค่อยตัดสินใจซื้อสิ่งที่ตรงใจมากที่สุดแทน


อีกทั้งจากผลการวิจัยข้างต้นยังได้สะท้อนให้แบรนด์เตรียมพร้อมรับมือกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คือ 1.กำหนดคำนิยามให้ชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นั้นจะเป็นประโยชน์และจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในเวลาหรือสถานการณ์ไหน 2.พัฒนา Solution ครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาผู้บริโภค 3.นำเสนอคอนเทนต์โดนใจ ฉับไวตรงสถานการณ์