WP ขยายฐานส่งออก LPG เป้า 5 ปี โต 15%
WP เล็งขยายฐานส่งออกก๊าซ LPG ตั้งเป้าภายใน 5 ปี โต 15% เจรจาพันธมิตรกองเรือขนส่ง หวังรุกเทรดไฟแนนซ์ ปูพรมตลาด CLMV
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงแผนธุรกิจ ปี 2562 ว่า บริษัทเน้นให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจไปสู่การเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจร ซึ่งธุรกิจที่บริษัทให้ความสนใจเข้าลงทุนเพิ่มนอกเหนือจากธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) คือ กองเรือขนส่ง LPG การผลิตถังก๊าซ LPG คลังเก็บและบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลวแห่งใหม่ และการร่วมกับ บจก.ไทยแก๊ส เพื่อขยายฐานลูกค้า
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนใหม่ (CLMV) ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้ก๊าซ LPG ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ ที่จะเน้นเป็นเทรดเดอร์
"ที่บริษัทยังขาดอยู่ คือ ธุรกิจกองเรือขนส่งและโรงผลิตถังก๊าซ LPG อย่างที่เราประกาศไว้ว่า ในอนาคต บริษัทจะทำเป็นเทรดเดอร์ ซึ่งการจะส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้ บริษัทจำเป็นจะต้องมีกองเรือขนส่งเป็นของตัวเอง อีกทั้งเราเองก็ไม่ได้ต้องการจะขายแค่แอลพีจีอย่างเดียว ยังมองถึงโปรดักต์อื่น ๆ ปัจจุบัน มีพันธมิตรเป้าหมายที่คุยกันไว้แล้ว โดยรูปแบบการลงทุนอาจเป็นการถือหุ้นในลักษณะเดียวกับ บจก.ไทยแก๊ส เป็นการแชร์โนว์ฮาว แต่ยังไม่ได้คุยถึงสัดส่วนลงทุน คาดหลังผ่านการพิจารณาของบอร์ด น่าจะมีความชัดเจนเร็ว ๆ นี้"
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายว่า จะเพิ่มปริมาณส่งออกก๊าซ LPG ภายใน 5 ปี เติบโตประมาณ 15% จากปัจจุบัน ฐานส่งออกยังตํ่าอยู่ระดับ 1,000 ตัน โดยในปีนี้ คาดจะเพิ่มเป็น 3,000-5,000 ตัน พร้อมตั้งเป้าปริมาณการขายก๊าซ LPG ในประเทศที่ 8.4 แสนตัน (เทียบปี 2560 ที่ 8.17 แสนตัน) เติบโต 2.5% โดยจะรุกตลาดภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เป็น 11-12% (จากปี 2560 อยู่ที่ 9%)
"นโยบายปีนี้ยังเน้นรักษาอัตรากำไรสุทธิ หรือ มาร์จิน ให้เพิ่มมากกว่าปี 2561 (อยู่ระดับ 2.15%) หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จในการบริหารต้นทุนจนมาร์จินเพิ่ม ก้าวกระโดดจากปี 2560 ที่อยู่ระดับเพียง 0.84% โดยบริษัทจะรุกตลาดภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น เพราะมีมาร์จินดีกว่า นอกจากนี้ การเข้าถือหุ้นใหญ่ในไทยแก๊ส 80% ยังช่วยขยายฐานลูกค้าในภาคเหนือตอนล่างเพิ่ม และจากการที่ไทยแก๊สมีคลังก๊าซอยู่ที่พิจิตร ทำให้บริษัทมีคลังก๊าซรองรับรวม 6 แห่ง ครอบคลุมความจุ 10,900 ตัน และอยู่ระหว่างก่อสร้างคลังแห่งใหม่ที่บางปะกง คาดแล้วเสร็จปี 2563 ซึ่งจะรองรับความจุเพิ่มเป็น 20,409 ตัว ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้ทางหนึ่ง"
บริษัทมีกำไรสุทธิปี 2561 อยู่ที่ 321.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189.53 ล้านบาท หรือเพิ่ม 143.63% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3450 วันที่ 7-9 มีนาคม 2562
