สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า นายกรัฐมนตรี "มหาธีร์ โมฮัมหมัด" แห่งประเทศมาเลเซีย เผยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาว่าจะปิดตัวหรือขายกิจการสายการบินแห่งชาติ "มาเลเซียแอร์ไลน์" ซึ่งกำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก อันเป็นผลต่อเนื่องมาจากเครื่องบินตก 2 ครั้ง ในปี 2557 โดยครั้งแรกเมื่อเดือน มี.ค. 2557 เครื่องบินเที่ยวบิน MH370 บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้น 4 เดือน เที่ยวบิน MH17 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 298 คน ถูกยิงตก โดยเชื่อว่า ถูกยิงจากขีปนาวุธยิงจากพื้นสู่อากาศในน่านฟ้าของประเทศยูเครน
อุบัติเหตุใหญ่หลวงทั้ง 2 ครั้ง ส่งผลให้สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ต้องตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ประสบภาวะขาดทุนติดต่อกันหลายปี และยังเนื่องมาจากการแข่งขันอย่างรุนแรงของธุรกิจการบินในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ดี กลางปี 2558 มาเลเซียแอร์ไลน์ได้ประกาศแผนปรับโครงสร้าง มีการปรับลดพนักงานไปราว 6,000 คน จากทั้งหมด 20,000 คน และมีความพยายามปรับรูปโฉมและกอบกู้ภาพลักษณ์ของสายการบินครั้งใหญ่ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จและเกือบล้มละลาย
กระทั่งกองทัพความมั่นคงแห่งชาติ "คาซานาห์ เนชันแนล" ได้เข้ามาบริหารและปรับโครงสร้างบริษัท โดยมีเป้าหมายให้กลับมามีกำไรภายใน 5 ปี แต่ผลประกอบการของกองทุนดังกล่าวออกมาย่ำแย่ แม้มาเลเซียแอร์ไลน์จะไม่เปิดรายละเอียดทางการเงิน
แต่ผลประกอบการของกองทุน 'คาซานาห์' ในปี 2561 พบว่า ขาดทุนถึง 6.3 พันล้านริงกิต มีการด้อยค่าของสินทรัพย์สูงถึง 7.3 พันล้านริงกิต ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากมาเลเซียแอร์ไลน์ อีกทั้งก่อนหน้านั้น กองทุนดังกล่าวได้เคยให้เงินสนับสนุนแก่สายการบินไปแล้วราว 6,000 ล้านริงกิต เพื่อเพิ่มศักยภาพในทำกำไรภายในปีนี้
นายกรัฐมนตรีมหาธีร์แถลงที่รัฐสภาในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ (12 มี.ค. 62) ว่า เขากำลังศึกษาทางเลือกต่าง ๆ เกี่ยวกับอนาคตของสายการบินแห่งชาติ "มาเลเซียแอร์ไลน์ส" ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนเงินเพิ่มเติม การขายกิจการให้บริษัทอื่น หรือ ปิดกิจการ และว่า รัฐบาลจะตัดสินใจในเร็ว ๆ นี้ แม้การปิดสายการบินแห่งชาติถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก แต่รัฐบาลจะต้องตัดสินใจ
⁍ บินไทยเดินหน้าลดขาดทุน 1.16 หมื่นล้าน
อย่างไรก็ตาม วิกฤติของสายการบินแห่งชาติประเทศมาเลเซียดูไม่แตกต่างจากการบินไทยนัก ก่อนหน้านั้นการบินไทยเคยขาดทุนถึง 20,000 ล้านบาท ผลพ่วงมาจากความขัดแย้งทางการเมืองและปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และได้มีการกอบกู้ กระทั่งเริ่มดีขึ้น แต่ผลประกอบการก็ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ และขณะนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูระยะที่ 3
แต่ผลประกอบการปี 2561 การบินไทยออกมาอย่างน่าเป็นห่วง โดยขาดทุนถึง 11,625.17 ล้านบาท แต่ก็ยังมีแผนจะจัดซื้อเครื่องบินฝูงใหม่อีก 38 ลำ มีมูลค่าราว 2 แสนล้านบาท ทดแทนเครื่องบินเก่าที่จะปลดระหว่าง 31 ลำ อีก 7 ลำ จะเป็นเครื่องบินใหม่ ท่ามกลางการแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินที่รุนแรงและราคาน้ำมันพุ่งแรง การบินไทยแจ้งผลประกอบการว่า รายได้รวม 199,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.9% หรือ 7,554 ล้านบาท แต่มีค่าใช้จ่าย 208,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,468 ล้านบาท ทำให้ปีที่แล้วขาดทุนจากที่เคยมีกำไรในปีก่อนหน้า 2,856 ล้านบาท
สุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทย ออกมาแถลงว่า ขณะนี้ การบินไทยอยู่ระหว่างทำแผนฟื้นฟูลดผลกระทบทางการเงิน เรื่อง : ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมัน จะทำให้มีกำไรที่ชัดเจน ควบคู่ไปกับการเพิ่มรายได้จากการขายและบริการต่อเนื่อง เช่น ครัวการบิน ทำอี-คอมเมิร์ซ ระหว่างรอรายได้จากศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) สนามบินอู่ตะเภา ที่ต้องใช้เวลาอีก 2 ปี และการทำเรื่องดิจิตอลทรานฟอร์เมชัน ซึ่งการดำเนินการในเรื่องเหล่านี้จะทำให้การจัดหาฝูงบินใหม่ 38 ลำ ในอีก 2 ปีข้างหน้า จึงไม่ใช่ภาระ
เขายังระบุอีกว่า เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย. นี้ ที่จะอนุมัติตัดภาระขาดทุนสะสม ซึ่งจะไม่กระทบมูลค่าส่วนผู้ถือหุ้น โดยใช้สำรองตามกฏหมาย ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2561 การบินไทยมีขาดทุนสะสมอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท ซึ่งหากทำได้จะทำให้ขาดทุนสะสมเหลือ 296 ล้านบาท ถ้าบริษัทไม่มีขาดทุนสะสมก้อนใหญ่ การจ่ายปันผลก็จะมีโอกาสมากขึ้น อย่างถ้ามีกำไรเกิน 300 ล้านบาท ก็จะจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นได้
⁍ "บิ๊กตู่" หนุนบินไทยซื้อเรือบินใหม่ 38 ลำ
ฟากรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 4 ปี (1 ก.พ. 62) โดยตอนท้ายกล่าวถึงผลงานยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ที่ระบุถึงการฟื้นฟูกิจการรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน
โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการบินไทยว่า มีแต่คนบ่น มีแต่คนว่า เราก็ต้องแก้ไขให้เขา หลายอย่างเป็นเรื่องของนโยบาย หลายอย่างเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาปรับปรุงภายในต่าง ๆ แต่เราไม่พูดถึงเรื่องเดิมแล้ว พอแล้ว เพราะพูดกันมาเยอะแล้ว โทษกันไปโทษกันมา วันนี้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้เร่งให้ขายเครื่องบินที่ปลดระวาง ก็ขายไปได้เยอะแล้ว เหลือไม่กี่ลำเท่านั้นเอง ก็ทำให้มันถูกต้องจบ ๆ หมดไปจากสนามบิน ตอนนี้เท่าที่จำได้เหลืออีก 3 ลำ ไม่ใช่เป็น 10 ลำ เพราะรัฐบาลนี้เร่งรัดให้มีการขายและมีการขายกันตลอด ราคามันต่ำก็ต้องยอม เพราะตอนซื้อไม่ได้คิด
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้จะซื้อเครื่องบินใหม่ว่ายังไง ต้องซื้อเครื่องบินที่มีคุณภาพ ลำตัวแคบ ไม่ใช่ลำตัวกว้างใหญ่โตโอ่โถ แล้วบินมันเปลือง คนขึ้นก็จริง แต่ไม่คุ้มค่ากับการบินในประเทศ
"นี่คือ ปัญหาของเราในเรื่องการวางแผนที่ผ่านมา เรื่องการบินมันต้องสร้างเส้นทางใหม่ เชื่อมต่อกับไทยสมายแอร์ บริษัท สายการบินนกแอร์ ว่า จะทำยังไง อันไหนในภูมิภาค อันไหนข้ามประเทศ ข้ามจังหวัด ต้องวางแผนใหม่ทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว