แนะตุน "หุ้นอสังฯ" ซื้อสะสมในพอร์ต LTV กระทบช่วงสั้น

04 เม.ย. 2562 | 03:02 น.


มาคุยกับฐาน ทันทุกข่าวสาร แค่เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกเลย!!!!! LINE : @THANSETTAKIJ
แนะตุน "หุ้นอสังฯ" ซื้อสะสมในพอร์ต LTV กระทบช่วงสั้น


โบรกมองดีเดย์มาตรการ LTV กระทบหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ช่วงสั้น แต่โครงการใหม่และพรีเซลอาจชะลอตัว แนะติดตามผลของมาตรการและยอดขายเปิดตัวใหม่ คาดเห็นชัดตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. มองเป็นโอกาสดีสะสมหุ้นเข้าพอร์ต

บังคับใช้อย่างเป็นทางการกับเกณฑ์ Loan to Value (LTV) ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ประกาศตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 และมีผลใช้จริงวันที่ 1 เม.ย. 2562 โดยเข้มงวดในการกำหนดให้การซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 หรือ ที่อยู่อาศัยราคาเกิน 10 ล้านบาท จะกู้เงินได้ไม่เกิน 80% ของราคาที่อยู่อาศัย ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตื่นตัว เร่งปรับตัวระบายโครงการที่มีอยู่เพื่อเลี่ยงมาตรการดังกล่าว

 

แนะตุน "หุ้นอสังฯ" ซื้อสะสมในพอร์ต LTV กระทบช่วงสั้น

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด มหาชน เปิดเผยว่า ภาพรวมกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั้งปี 2562 คาดว่า ยังเห็นธุรกรรมการขาย-การโอนยังมีอยู่ แต่การเปิดโครงการใหม่และพรีเซลอาจจะชะลอกว่าในอดีต ทั้งนี้ คาดว่า ยอดพรีเซลของผู้ประกอบการ 16 รายใหญ่ ปีนี้จะทรงตัวใกล้เคียงปี 2561 อยู่ที่ 350,000 ล้านบาท ส่วนยอดโอนยังถูกหนุนด้วยงานในมือ (Backlog) ซึ่งยอดรวมอยู่ที่ 330,000 ล้านบาท โดยกว่า 146,000 ล้านบาท มีกำหนดสร้างเสร็จและโอนในปีนี้
 


อย่างไรก็ตาม คาดกำไรสุทธิปี 2562 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะยังมีการเติบโต แม้จะเติบโตตํ่าประมาณ 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ราคาหุ้นกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ผ่านช่วงปรับตัวลดลง ถือเป็นโอกาสสำหรับการเลือกหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และให้อัตราผลตอบแทนสูง เพื่อสะสมเข้าไว้ในพอร์ต

"มาตรการ LTV น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการชะลอตัวของแรงซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงสั้น โดยกลุ่มที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป กำลังซื้ออาจลดลง ซึ่งน่าจะกดดันภาพรวมการพัฒนาอสังหาฯ ในระยะสั้นและกลาง เหตุการณ์ช่วงสั้นที่จะเห็น คือ มีการเร่งซื้อ เร่งโอน ก่อนวันที่ 1 เม.ย. เพราะผู้ซื้อต้องการเลี่ยงมาตรการ LTV ส่วนผู้ประกอบการต้องการระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จออก จึงมีแคมเปญส่งเสริมการขายจูงใจ"

บล.ไทยพาณิชย์ จก. (SCBS) ระบุว่า ในปีนี้ คาดว่า ยอดขายอสังหาริมทรัพย์จะลดลง 2% จากยอดขายคอนโดมิเนียมที่ลดลง 8% หลังจากผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยนำกลยุทธ์ระมัดระวังมาใช้ เนื่องจากความต้องการซื้อไม่แน่นอนจากเกณฑ์ LTV ใหม่ที่มีผลบังคับใช้ รวมถึงคาดว่า การซื้อจากลูกค้าต่างชาติจะลดลง ซึ่งยังคงมุมมองความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้โดยรวมลดลง 5% ขณะที่ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงยังเป็นประเด็นที่สร้างความกังวล

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัสฯ ระบุว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มชะลอตัว ทั้งอุปสงค์และอุปทาน ตั้งแต่เผชิญประเด็นลบจาก ธปท. พิจารณาปรับปรุงเกณฑ์กำกับในเดือน ต.ค. 2561 สะท้อนจากยอดขายในไตรมาส 4/2561 ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 4% (QoQ) และลด 16%(YoY) ส่วน 2 เดือนแรกของปีนี้ จากการสอบถามทางผู้ประกอบการส่วนใหญ่ พบว่า ยอดขายอ่อนตัว (YoY) แม้มีการออกโปรโมชันระบายสต๊อกคอนโดฯ แต่ไม่ได้ผลตอบรับที่ดีนัก บวกกับยังไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่

ต้นปีถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ปรับขึ้นเฉลี่ย 8% มากกว่าดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับเพิ่ม 4.5% อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากผลกระทบของเกณฑ์ LTV ใหม่ ที่เริ่มบังคับใช้วันที่ 1 เม.ย. นี้ ยังเป็นประเด็นจำกัดการปรับขึ้นของราคาหุ้น แต่หากมีผลน้อยกว่าคาดจะเป็นตัวเร่งทันที แนะนำนักลงทุนติดตาม Sentiment และยอดขายของการเปิดตัวใหม่ ซึ่งคาดจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. นี้ คงให้นํ้าหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาฯ เป็น "เท่ากับตลาด" เลือก TOP PICK เป็น SPALI (ราคาเหมาะสม 22.50 บาท) รวมถึงแนะนำ LH (ราคาเหมาะสม 13 บาท) และ QH (ราคาเหมาะสม 3.70 บาท) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ชอบปันผล จากคาดการณ์ผลตอบแทนปันผลราว 7% ต่อปี

 


หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3458 วันที่ 4-6 เมษายน 2562