มาคุยกับฐาน ทันทุกข่าวสาร แค่เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกเลย!!!!! LINE : @THANSETTAKIJ
การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (24 มี.ค.) ที่ผ่านมา มีปรากฏการณ์หลายอย่างที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย “หน้าใหม่” และบางเหตุการณ์ยังเกินความคาดหมาย เพราะพลิกไป-พลิกมาแบบคาดไม่ถึงเสียอีก...
เริ่มต้นจากเป็นการชิงชัยของ “2 ขั้ว-ฝ่าย” คือ ฝ่ายระบอบทักษิณ กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ถูก “ปั่น” กระแสจนกลายเป็น “วาทกรรม” ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย กับ “เผด็จการ” ที่ต้องการสืบทอดอำนาจ ทั้งที่ถ้าว่าไปแล้ว ก็สืบทอดอำนาจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายอีกนั่นแหละ
ก่อนการชิงชัยจะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น หลังพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศเป็น “ขั้วที่ 3” ในช่วงโค้งสุดท้ายของศึกเลือกตั้ง กลายเป็นการชิงชัยของ 3 ก๊ก (การเมือง) แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้แบบ “หมดรูป” สิ้นลายพรรคการเมืองเก่าแก่ คือนอกจากจะสูญพันธ์ุไม่ได้ที่นั่ง ส.ส.เขตในพื้นที่ กทม.แล้ว จำนวนส.ส.ที่ได้ทั่วประเทศก็ลดลงแบบน่าใจหายด้วย
โดยอันดับหล่นไปอยู่ที่ 4 เกือบหลุด “ท็อปโฟร์” ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับพรรคอนาคตใหม่ ที่มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเพิ่งตั้งมาไม่นานแต่ได้ ส.ส.อย่างท่วมท้น รวมทั้งพรรคพลังประชารัฐที่ได้เสียงสนับสนุนจากพี่น้องคนไทยทั่วประเทศไม่แพ้กัน หลังจากเสนอชื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ คนที่ 30
ส่งให้พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนเสียงสูงเป็นอันดับ 1 จำนวน 8,433,137 คะแนน และยังทำให้พรรคพลังประชารัฐเกิดความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคเพื่อไทยในที่สุด
ทั้งนี้ ไม่นับรวมปรากฏการณ์ที่อดีตนักการเมืองที่เป็น “คนดัง-ดาวสภา” มากมาย ที่รายชื่อ “หลุด” หายไปจากส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ เฉพาะอย่างยิ่งพรรค “เครือข่าย” ตระกูลเพื่อฯ และพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนมีใคร?สอบตกบ้าง คิดว่า “สื่อ” รายวันคงลงรายละเอียดให้ทราบไปแล้ว...ด้วยความเห็นใจทุกท่านนะครับ
เช่นเดียวกับความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ หรือกระทั่งการตกที่นั่ง “ส.ส.สอบตก” ของเหล่าบรรดาอดีตนักการเมืองดังๆ ทั้งหลาย แต่สิ่งที่ผมอยากบอกกล่าวในสัปดาห์ ก็คือ ข้อคิดที่ว่า “คนคิด-ไม่สู้ฟ้าลิขิต” โดยเห็นได้ชัดเจนจาก “เกม” การเมืองและการเคลื่อนไหวของ “ขั้ว-ฝ่าย” ต่างๆ ตั้งแต่เริ่มเปิดศึกเลือกตั้ง....
ซึ่งหาก “นายใหญ่” ไม่คิดมาก-โลภมาก เดินยุทธศาสตร์ “แยกกันเดิน-รวมกันตี” หรือกลยุทธ์แตกแบงก์พัน ไม่แตกพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เพื่อหวังเพิ่มส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ให้มากขึ้น แต่พรรคถูกยุบเสียก่อน หลัง “ปิดหีบ” เลือกตั้งวันอาทิตย์ (24 มี.ค.) แทนที่จะได้เปรียบคนอื่นกลับต้องดิ้นพล่านเดิน “เกม” ดึงมือ 6 พรรคมาร่วมตั้งรัฐบาลผสม
มาคุยกับฐาน ทันทุกข่าวสาร แค่เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกเลย!!!!! LINE : @THANSETTAKIJ
เนื่องจากการที่พรรคเพื่อไทย ส่งส.ส.เขตลงชิงชัยในสนามแค่ 250 เขต โดยคาดหวังว่าเพียงพอที่จะทำให้พรรคได้ส.ส.ตามจำนวนที่ต้องการ แต่คาดผิด คือ ประเมินพรรคพลังประชารัฐที่เป็น “คู่แข่ง” ตํ่าเกินไป แต่ล่าสุดได้คะแนนอันดับ 1 ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ที่แม้เป็นฝ่ายเดียวกันก็สร้างปรากฏการณ์และเข้าไปแย่งที่นั่งส.ส.ของพรรคเพื่อไทยในบางพื้นที่ด้วย
การเคลื่อนไหวช่วงชิงการนำจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเมื่อ 2-3 วันก่อน จึงไม่ใช่เรื่องง่าย...นอกจากจะมีพรรคพลังประชารัฐ เป็น “คู่แข่ง” สำคัญแล้ว **ตาม “กฎ-กติกา-และมารยาท” รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ระบุไว้ชัดเจนว่า ช่วงนี้จนถึงสิ้นเดือนเมษายน เป็นช่วงที่กกต.แจกใบเหลือง-ใบแดง และจะประกาศรับรองผลเลือกตั้งเป็นทางการก็วันที่ 9 พฤษภาคม โน่น
จากนั้นวันที่ 12 พฤษภาคม คสช.นำรายชื่อ 250 ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดย สนช.สิ้นสุดวันทำหน้าที่ และวันที่ 23 พฤษภาคม (15 วันนับจากวันประกาศผลเลือกตั้ง) พระมหากษัตริย์ทรงเรียกประชุมรัฐสภา และทรงเปิดประชุมรัฐสภานัดแรก เลือกประธานสภาผู้แทนฯ และประธานวุฒิสภา โหวตตัวนายกฯ ด้วยเสียง “มากกว่ากึ่งหนึ่ง” ของทั้ง 2 สภา นำชื่อนายกฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายประมาณปลายเดือนมิถุนายน
ระหว่างนี้ ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่...“รัฐบาล-และคสช.” ยังคงทำหน้าที่รัฐบาลถาวร “มีอำนาจเต็ม” ต่อไปเรื่อยๆ ก็อยากจะบอกว่า อะไรๆ ยังจะเปลี่ยนแปลงได้อีกมาก เฉพาะอย่างยิ่งสถานะของ “คน” บางคน
| คอลัมน์ : อยู่กับปัจจุบัน
| โดย : พงษ์ศักดิ์ ศรีสด
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3475 หน้า 14 ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-3เม.ย.2562