"ฝรั่งเศส" เตือนสติ 'ทรัมป์' เปิดศึกการค้ากับ "อียู" ตอนนี้ "ถือว่าพลาด"

จากการที่เศรษฐกิจโลกกำลังขยายตัวในอัตราที่น้อยลงอยู่แล้ว ดังนั้น การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงเวลานี้ ย่อมเป็น "ความผิดพลาด" ทั้งในแง่เศรษฐกิจและการเมือง นายบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฝรั่งเศส กล่าวผ่าน "ซีเอ็นบีซี" สื่อใหญ่ของสหรัฐฯ ปลายสัปดาห์นี้ (11 เม.ย.) เมื่อถูกถามว่า การเปิดศึกอีกด้านของสหรัฐฯ ที่มุ่งเป้ามายังอียูเป็นเรื่องน่ากังวลหรือไม่ ท่าทีของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อประเด็นดังกล่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สร้างอุณหภูมิความร้อนแรงของการเผชิญหน้าทางการค้าที่หลายฝ่ายไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

'ทรัมป์' เขียนทวิตเตอร์ 2 ครั้ง ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า อียูเป็นคู่ค้าที่โหดหินต่อสหรัฐฯ แต่เรื่องนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง และจากการที่องค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ชี้ว่า การที่อียูให้เงินอุดหนุนการดำเนินงานของ บริษัท แอร์บัส ซึ่งเป็นผู้ผลิตอากาศยานรายใหญ่ของยุโรป ได้ส่งผลกระทบทางลบต่อสหรัฐฯ ดังนั้น สหรัฐฯ ก็จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอียูเพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 11,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับตัวเลขประเมินความสูญเสียทางการค้าของสหรัฐฯ รายปี ที่เกิดจากมาตรการอุดหนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศของอียู "อียูเอาเปรียบสหรัฐฯ มานานหลายปีแล้ว แต่มันจะต้องยุติในเร็ว ๆ นี้" ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา

ท่าทีดังกล่าวสอดรับกับการประกาศของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือ 'ยูเอสทีอาร์' ที่ออกมาระบุในเวลาไล่เลี่ยกัน ว่า ยูเอสทีอาร์ได้จัดทำรายการสินค้าของอียูที่จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่ม ซึ่งในเบื้องต้นนั้น ได้แก่ เครื่องบิน ปลา ผลิตภัณฑ์นมเนย กล้องส่องทางไกล น้ำมันมะกอก และไวน์ เป็นต้น

อียูเองก็ได้ยื่นร้องเรียนต่อดับบลิวทีโอเช่นกันว่า สหรัฐฯ ก็ให้เงินอุดหนุน บริษัท โบอิ้ง ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอากาศยานสัญชาติอเมริกัน ซึ่งปัจจุบันกำลังรอการตัดสินว่า อียูมีสิทธิ์ที่จะตอบโต้ได้อย่างไรบ้าง เพราะตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ดับบลิวทีโอได้ตัดสินแล้วว่า การที่สหรัฐฯ ให้เงินอุดหนุนโบอิ้ง ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของอียู และดับบลิวทีโอได้ขอให้สหรัฐฯ ยุติการอุดหนุนที่ผิดกฎกติกาดังกล่าว แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำตัดสินนั้น

แหล่งข่าวจากคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยว่า อียูพร้อมที่จะตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และการเปิดศึกครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะทั้ง 2 ฝ่าย มีประเด็นเกี่ยวกับภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนประกอบอยู่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบที่นำเข้าจากอียู แต่ความคืบหน้าล่าสุด คือ สหรัฐฯ ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องดังกล่าว

นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่อียูจะเปิดศึกกับสหรัฐฯ เพราะตัวเลขชี้วัดเศรษฐกิจในอียูส่อไปในทิศทางที่แผ่วลง ยกตัวอย่าง ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของเยอรมนีที่ลดลง 4-5% "เราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงสงครามการค้า เพราะสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ ก็คือ การค้าโลกที่ชะลอตัว และการค้าในอียูเองก็ชะลอตัวเช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็เป็นผลพวงมาจากความตึงเครียดของการเผชิญหน้าทางการค้าที่เกิดขึ้นทั่วโลก" รัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส กล่าวและว่า ขณะนี้ แค่การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนก็มากพอแล้ว ไม่ควรเพิ่มการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับอียูเข้าไปอีก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดทั้งในแง่เศรษฐกิจและการเมือง

ทั้งนี้ ในการประชุมประจำปีของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดตัวเลขประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 นับจากเดือน ต.ค. 2561 โดยล่าสุด ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดตัวเลขประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2562 นี้ ลงจากเดิมที่คาดว่าจะโต 3.5% เหลือเพียง 3.3% และยังคาดว่า อียูจะเป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากอังกฤษแยกตัวออกจากอียูในปีนี้ โดยไม่มีข้อตกลงรองรับ สถานการณ์ก็ย่ำแย่สำหรับเศรษฐกิจของอังกฤษและอียูเอง