กรมศุลกากร จับกุมชาวต่างชาตินำเข้าโคเคน 3.5กิโลกรัม

20 เม.ย. 2562 | 03:59 น.

 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่าจากสถานการณ์ลักลอบยาเสพติดประเภทโคเคนจากประเทศในแถบกลุ่มทวีปแอฟริกามีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสังเกตได้จากในช่วงเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากร สำนักสืบสวนและปราบปราม ได้มีการจับกุมผู้กระทำความผิดที่พยายามลักลอบนำเข้าโคเคนโดยวิธีการกลืนไปแล้วถึง 2 ราย สามารถตรวจยึดยาเสพติดได้มากกว่า 3.5 กิโลกรัม ซึ่งตนและนายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร จึงได้สั่งการให้สำนักสืบสวนและปราบปราม ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการสืบสวนหาข่าวเพื่อดำเนินการสกัดกั้นยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดในการขยายผลเอาผิดกับผู้ร่วมขบวนการอย่างถอนรากถอนโคน

 โดยเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2562 เวลาประมาณ 13.30 น. ภายใต้การอำนวยการของนายธาดา ชุมไชโย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม นายไชยทัต นิวาศะบุตร รักษาการผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและปราบปราม และนายเดชา วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 3 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนและปราบปราม พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งปฏิบัติการร่วมกันภายใต้กรอบความร่วมมือโครงการ Airport Interdiction Task Force หรือ AITF ทำการติดตามตรวจสอบผู้โดยสารสัญชาติกินีบิสเซา ซึ่งเดินทางมาจากเมืองโคตัวนัว ประเทศเบนิน ผ่านกรุงอาดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย ปลายทางกรุงเทพมหานคร โดยสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ ET 628 ซึ่งกรณีดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายที่ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนและปราบปราม ได้มีการสืบทราบ จึงได้ขอเข้าทำการตรวจค้นพร้อมนำตัวไปทำการเอ็กซเรย์ 

 จากการตรวจสอบผลการเอ็กซเรย์ เจ้าหน้าที่พบว่ามีสิ่งแปลกปลอมจำนวนมากอยู่ในช่องท้องของผู้ต้องสงสัย จึงได้ควบคุมตัวไปทำการสอบสวนเบื้องต้นเพื่อทำการขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้อง โดยต่อมาในระหว่างการปฏิบัติการขยายผล ไม่ปรากฏตัวผู้มารับยาเสพติดแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้เกี่ยวข้องอาจมีการไหวตัว จึงได้ยกเลิกการปฏิบัติ พร้อมนำตัวผู้ต้องสงสัยกลับมายังที่ทำการเพื่อขับถ่ายวัตถุแปลกปลอมที่ตรวจพบออกมาจนหมด รวมทั้งสิ้น 88 ก้อน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1,690 กรัม (1.69 กิโลกรัม) ซึ่งเมื่อนำไปตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) คิดเป็นมูลค่าของกลางที่สามารถจำหน่ายได้ในท้องตลาดประมาณกว่า 5 ล้านบาท จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป