TIJ ผนึกUN Women รณรงค์ความตระหนักรู้เรื่องเพศในกระบวนการยุติธรรม

23 เม.ย. 2562 | 07:29 น.

TIJ และ UN Women ร่วมมือและเปิดเผยผลวิจัยของสถาบันยุติธรรมอย่างเป็นทางการ โดยมีการเผยแพร่งานวิจัย 2 หัวข้อได้แก่“ผู้หญิงในฐานะผู้สร้างความยุติธรรม” (Women as Justice Makers) และ“ความยุติธรรมในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องเพศ– กรณีศึกษาเรื่องมาตรการปฏิบัติที่ดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการจัดการความรุนแรงต่อผู้หญิง”(Towards Gender-responsive Criminal Justice: Good Practices from Southeast Asia in Responding to Violence against Women” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ต้นแบบ

รายงานขององค์การอนามัยโลกเมื่อปีค.ศ. 2013 ระบุว่าผู้หญิง2.5 พันล้านคนทั่วโลกเคยประสบปัญหาความรุนแรงมาก่อนโดย28% ของผู้หญิงที่พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นถูกกระทำโดยคู่ครอง ความรุนแรงต่อผู้หญิงถือเป็นอาชญากรรมที่ไม่มีการรายงานทั้งในภูมิภาคนี้และภูมิภาคอื่นๆทั่วโลกส่วนหนึ่งเมื่อเกิดความรุนแรงเหยื่อมักเกิดความอายความหวาดกลัวหรือเกรงว่าจะเสียชื่อเสียง อย่างไรก็ตามเมื่อผู้หญิงที่ถูกกระทำออกมาร้องเรียนกลับได้รับการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมหรือขาดความละเอียดอ่อนจากเจ้าหน้าที่อัยการหรือผู้พิพากษา และในหลายๆกรณีความรุนแรงถูกทำให้เป็นเรื่องที่บางเบาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมักถูกกล่าวหาเสียเอง ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากรู้สึกเหมือนถูกล่วงละเมิดซ้ำ

ศ.พิเศษดร.กิตติพงษ์กิตยารักษ์ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย หรือ TIJ กล่าวว่า การที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำงานร่วมกันนั้นมีความสำคัญมากในการดูแลคดีที่เกี่ยวกับการกระทำรุนแรงต่อผู้หญิง ทุกหน่วยงานต้องผสานกำลังกันเพราะแน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รุนแรงจริงๆ

“ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายอัยการผู้พิพากษาผู้เคราะห์ร้ายเองเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์เจ้าหน้าที่ด้านนิติวิทยาศาสตร์รวมทั้งความร่วมมือจากองค์กรต่างๆภายใต้องค์การสหประชาชาติตลอดจนสถาบันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”

รายงานเรื่อง“ผู้หญิงในฐานะผู้สร้างความยุติธรรม”มุ่งเน้นให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีผู้หญิงในกระบวนการยุติธรรมเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและความตระหนักในเรื่องความละเอียดอ่อนทางเพศในระบบยุติธรรมทางอาญาการละเลยหรือไม่ตระหนักในเรื่องดังกล่าวอาจจะเกิดจากสาเหตุที่หลากหลายรวมถึงการที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นเพศชายล้วนทำให้ความรุนแรงต่อผู้หญิงแย่ลง ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความเสมอภาคของผู้หญิงในระบบยุติธรรมโดยจะต้องมีนักกฎหมายตำรวจอัยการหรือผู้พิพากษาที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น

ส่วนรายงานเรื่อง“ความยุติธรรมในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องเพศ”นำเสนอตัวอย่างที่ดีที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีกรอบนโยบายด้านกฎหมายที่ครบถ้วนและอยู่บนหลักสิทธิมนุษยชนหรือที่เรียกว่ายุทธศาสตร์ต้นแบบตลอดจนอยู่ในกรอบการปฏิบัติที่ดี ซึ่งครอบคลุมการป้องกันอาชญากรรมอย่างรอบด้านตั้งแต่การตรวจสอบการพิพากษาและการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิด

นางสาวแอนนา-คารินแจทฟอร์ส ผู้อำนวยการสำนักงานUN Women ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่ามีผู้หญิงและเด็กหญิงจำนวนมากที่ยังคงตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ถูกเอาเปรียบหรือถูกละเมิดแต่ขาดความรู้ว่ามีเครื่องมือใดบ้างที่จะช่วยเหลือพวกเขาและไม่ทราบสิทธิทางกฎหมายของตนเองในการเรียกร้องความยุติธรรม

 

รายงานทั้งสองฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสัมมนาเชิงปฏิบัติการที่TIJ และUN Women จัดขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และเสริมศักยภาพในด้านกฎหมายให้แก่ผู้มีหน้าที่รักษากฎหมายและผู้ที่มีส่วนในการสร้างความยุติธรรมและเพื่อกำจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงช่วยทำให้ผู้หญิงเข้าถึง

 

กระบวนการยุติธรรมและสร้างความตระหนักถึงความจำเป็นที่กระบวนการยุติธรรมนั้นจะต้องใช้ความละเอียดอ่อนในเรื่องที่เกี่ยวกับเพศ

 

“ผู้หญิงจะต้องรู้สึกว่าตนเองได้รับความเคารพและได้รับการปกป้องในกระบวนการยุติธรรมเมื่อรายงานเหตุเกี่ยวกับความรุนแรงหรือการล่วงละเมิดทางเพศและผู้กระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงจะต้องได้รับผลทางกฎหมายจากการกระทำความผิดนั้น”

 

ศ.พิเศษดร.กิตติพงษ์ย้ำถึงความสำคัญที่ทุกฝ่ายทุกระดับจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงส่งเสริมให้เกิดความเสมอภาคระหว่างเพศและร่วมกันสร้างความสันติยุติธรรมและสังคมที่เป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนอันจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจสำหรับทุกคนต่อไป

 

สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยได้ส่งเสริมการดำเนินการเพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงมาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านการป้องกันอาชญากรรมและการสร้างความยุติธรรมทางอาญา ตลอดจนการนำข้อกำหนดกรุงเทพ(Bangkok Rules) และมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิงมาปฏิบัติรวมทั้งส่งเสริมให้ผู้หญิงสามารถเข้าถึงความยุติธรรมผ่านกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นนอกจากนั้นยังได้จัดทำงานวิจัยตลอดจนการรวบรวมองค์ความรู้พร้อมทั้งการจัดกิจกรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลเหล่านี้มีความตระหนักในการปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังในเรื่องเกี่ยวกับเพศ