ร้อยดวงใจไทยทั้งชาติในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

01 พ.ค. 2562 | 16:43 น.

ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3466 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 2-4 ม.ค.2562 โดย..ประพันธุ์ คูณมี

 

ร้อยดวงใจไทยทั้งชาติ

ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

 

                ณ ช่วงเวลาแห่งประวัติ ศาสตร์ของชาติไทย ประเทศของเรากำลังอยู่กับหมายกำหนดการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ในเว็บไซต์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้ออกหมายกำหนดการงานพระราชพิธี โดยเริ่มตั้งแต่ วันที่ 6 เมษายน 2562 ถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2562 โดยมีรายละเอียดงานพิธีสำคัญๆ แจ้งแก่ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันแล้ว จึงถือได้ว่างานพระราชพิธีอันสำคัญยิ่งนี้ อยู่ในช่วงเวลาร่วม 1 เดือน ภายหลังเวลาที่มีการเลือกตั้งโดยทั่วไปสิ้นสุดลง อยู่ระหว่างรอเวลาการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้แถลงต่อประชาชน

                การที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์เช่นนี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกเชื้อชาติ ทุกนิกายศาสนา ที่อยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขเรื่อยมา ควรจะได้ผนึกกำลังและหลอมรวมจิตใจด้วยความสมัครสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อร้อยรวมดวงใจไทยทั้งชาติ ร่วมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อันสำคัญอย่างยิ่งนี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยความยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ อันจะเป็นความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ และความเป็นชาติไทยของชนชาวไทยร่วมกัน

                พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ได้เริ่มมาตั้งแต่ วันที่ 6 เมษายน โดยมีพิธีพลีกรรมตักนํ้าจากแหล่งนํ้าศักดิ์สิทธิ์ จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญ 76 จังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ เป็นประธาน

                วันที่ 8 เมษายน 2562 ประธานสงฆ์ประกาศชุมนุมเทวดาในการพิธีทำนํ้าอภิเษกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญ 76 จังหวัด และจุดเทียนชัย เจริญพระพุทธมนต์

                จากนั้นก็จะมีพิธีสำคัญๆ ต่างๆ เรื่อยมาตามรายละเอียดของหมายกำหนดการ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ซึ่งได้ประกาศไว้ในเว็บไซต์งานพระราชพิธีดังกล่าวแล้ว พี่น้องประชาชนทั้งหลาย ควรอ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดที่สำคัญนี้ได้ ผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว

                ช่วงเวลาสำคัญที่สุดที่กำลังจะมาถึง หลังจากเสร็จพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ก็จะมาถึงช่วงสุดท้าย ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2562 เวลา 16.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ซึ่งเป็นโอกาสที่ปวงชนชาวไทยจะได้เข้าเฝ้าฯและถวายพระพรชัยมงคลโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงถึงความเทิดทูน เคารพบูชา และความจงรักภักดี ที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์

                พร้อมกันนี้ประชาชนทั้งหลาย อาจได้มีโอกาสรับฟังพระปฐมบรมราชโองการ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ในวาระโอกาสนั้นด้วย ซึ่งพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในอดีต เมื่อได้ผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามราชประเพณีแล้วก็จะทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ ต่อประชาชนและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

                ในช่วงเวลาอันสำคัญยิ่งของประเทศชาติเช่นนี้ ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตที่พวกเราปวงชนชาวไทย จะได้เข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อันนับได้ว่าเป็นบุญที่ได้เกิดในแผ่นดินไทย ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่ดีงามเก่าแก่ยาวนาน มีความเป็นปึกแผ่นและธำรงความเป็นชาติเอกราชมานับหลายร้อยปี เป็นที่ยอมรับและชื่นชมของนานาประเทศทั่วโลก

                ในโอกาสที่เป็นมงคลอย่างยิ่งแก่ชาติบ้านเมืองของเราเช่นนี้ จึงสมควรอย่างยิ่งที่ปวงชนชาวไทย จะได้ร่วมกันถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งต้องมีส่วนร่วมในการให้งานพระราชพิธีสำคัญของชาติบ้านเมือง สำเร็จเรียบร้อยไปด้วยดี สมพระเกียรติ ตามกำลังของแต่ละคนที่สามารถกระทำได้ ถือเป็น การทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทยที่ดี

                บรรยากาศของบ้านเมืองยามนี้ จึงมิควรที่ผู้ใดจะดำเนินการใดๆ ให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง พรรคการเมืองนักการเมืองทั้งหลาย พึงระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นหรือการเคลื่อนไหวใดๆ ที่ส่อไปในทางปลุกระดมหรือก่อกระแสทางการเมือง อันเป็นการทำลายบรรยากาศที่ดีของบ้านเมือง

                การที่แผ่นดินไทยภายใต้สถาบันพระมหากษัตริย์ ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ที่ได้ปกครองแผ่นดินไทยมาถึง 10 รัชกาล นับแต่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อพุทธศักราช 2328 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน นับรวมได้เป็นเวลาถึง 224 ปี

                ประเทศไทยของเรามีความเจริญรุ่งเรือง ยั่งยืนและมั่นคง มีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรี เยี่ยงอารยะประเทศ ประเทศไทยไม่เคยถูกแบ่งแยกหรือตกเป็นเมืองขึ้นของลัทธิล่าอาณานิคมของจักรวรรดินิยมตะวันตก ด้วยพระปรีชาสามารถของบูรพมหากษัตริย์ และเมื่อประเทศถูกคุกคามด้วยภัยแห่งลัทธิคอมมิวนิสต์ จนเกิดสงครามภายในประเทศ สถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงยืนหยัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทย เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของปวงชนชาวไทยทั้งมวล และด้วยพระปรีชาสามารถของในหลวง รัชกาลที่ 9 ประเทศของเราก็เป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่สามารถเอาชนะภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์มาได้

                ประชาชนไทยต่างทำมาหากิน อยู่เย็นเป็นสุขยิ่งกว่าประเทศ อื่นๆ เป็นที่ประจักษ์ ประเทศไทยเป็นสยามเมืองยิ้ม ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกใฝ่ฝันอยากมาเยือน แม้เราจะมีการปกครองที่มิได้เป็นประชาธิปไตยจ๋าแบบตะวันตก แต่เราก็มีการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่ดีที่สุดและไม่มีใครเหมือน สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เข้มแข็งมั่นคงที่สุดในโลก เป็นที่รักและเทิดทูนของประชาชนที่สุดในโลก จึงไม่ควรที่ผู้ใดจะบังอาจมาคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศให้เป็นอื่น

                ณ โอกาสนี้ ขอให้พี่น้องชาวไทย จงร้อยดวงใจเป็นหนึ่งเดียว ออกมาพร้อมกันให้มากที่สุด ให้เต็มลานพระบรมรูป และทุกท้องถนนในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในครั้งนี้ จงมาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ เพื่อความเป็นชาติไทยของเรา ให้ชาวโลกได้ประจักษ์ และเพื่อร่วมกันถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

                ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ