เดดล็อกค่าโง่โฮปเวลล์ 2.5 หมื่นล้าน รฟท.หนี้บานทะโรค

03 พ.ค. 2562 | 11:50 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3466 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ค.2562 โดย...พริกกะเหรี่ยง

 

 

เดดล็อกค่าโง่โฮปเวลล์ 2.5 หมื่นล้าน รฟท.หนี้บานทะโรค

 

 

          .....มรดก “ค่าโง่” ประเทศไทย คงไม่หมดไปง่ายๆ ผ่านมาเกือบ 30 ปียังตามหลอนอย่างโครงการ “โฮปเวลล์” ที่ล่าสุดตัวเลขงอกมาถึง 2.5 หมื่นล้านบาท รวมดอกเบี้ย เงินต้น เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยรัฐบาล “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” แต่รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต้องมารับกรรม แบกรับภาระหนี้สิน ส่วนรฟท.เจ้าของโครงการ ก็แทบเอาตัวไม่รอดเพราะปัจจุบันก็มีหนี้สินพะรุงพะรัง ขณะนี้มีอยู่เกือบ 1.2 แสนล้านบาท จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายหากไม่ใช่ให้รัฐบาลช่วย  และก็มาจากเงินภาษีชาวบ้านตาดำๆ แต่ที่น่าเจ็บใจ เงินก็ต้องเสีย  ส่วนโครงการนี้ก็ยังปล่อยทิ้งเป็นซากคารางรถไฟเส้นดอนเมือง เป็นอนุสรณ์สถานยาวนานมาหลายสิบปี ทำอะไรไม่ได้ เสียซํ้าเสียซ้อน

          .....แถมตัวเลขที่ศาลตัดสิน 1.2 หมื่นล้านบาท เอาเข้าจริงตัวเลขที่นำเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด รฟท.บานทะโรคพุ่งไปถึง  2.5 หมื่นล้านบาท ที่ต้องจ่ายให้ “กอร์ดอน วู”นักธุรกิจฮ่องกง วัย 84 ปี ทำเอาประธาน รฟท. “กุลิศ สมบัติสิริ” จะออกอาการยั้วะจัด? เพราะนั่งเก้าอี้นี้มาปีกว่าแต่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย สั่งไล่บี้หาคนรับผิดชอบ ก็ไม่รู้ว่าจะเอาโทษกับใครในเมื่อผู้บริหารรฟท.หรือบอร์ดสมัยนั้นคงเกษียณ ล้ม หายตายจากไปแยะแล้ว ส่วนนักการเมืองตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา “รอด” ตัวหมด  และมหากาพย์เรื่องนี้ยังไม่จบง่าย รฟท.ต้องตั้งคณะทำงานมาเจรจากับ “โฮปเวลล์” ต่อว่าจะเดินหน้ากันอย่างไร ภายใน 180 วัน ถือเป็นเดดล็อก ที่รฟท.ต้องเร่งดำเนินการ

          .....แน่นอนว่าโครงการนี้ก็คงไม่ใช่สุดท้าย ที่รัฐบาลไทย“เสียค่าโง่”และเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากผู้บริหารในอดีตชาติ แต่รัฐบาลปัจจุบันต้องรับกรรมอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านั้นก็ค่าโง่โครงการ “โทลล์เวย์”  ทางยกระดับที่ การทางพิเศษฯเสียท่าเอกชนจน “บิ๊กตู่” ต้องงัด ม.44 เด้งผู้ว่าการ เพราะเรื่องนี้ไม่คืบ ความเป็นจริงไม่ว่าจะ “เด้ง” หรือยอมกระเป๋าฉีกใช้หนี้ คงไม่ได้ทำให้ “ค่าโง่” ในสังคมไทยหมดไป  ยังมีโครงการอื่นๆตามมาอีก เชื่อขนมกินได้  หากวันนี้ยังไม่เห็นว่า รัฐบาลจะมีมาตรการใดๆ ออกมาล้อมคอกป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดซํ้าซากอย่างจริงจัง ตราบใดยังมีนักการเมืองเห็นแก่ได้ และข้าราชการรู้เห็นเป็นใจ จะให้ดีเอาอย่างรัฐบาลจีน จับคนผิดข้าราชการระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าคุก หรือรับโทษ “ประหารชีวิต” ยึดทรัพย์ให้หมด เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้คนรุ่นหลังทำตาม อาจจะแก้ไม่ได้ทั้งระบบแต่คงลดลงได้มาก

          .....เมกะโปรเจ็กต์ที่ใกล้เป็นฝันที่เป็นจริง รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินของรฟท.ที่เจรจายืดเยื้อข้ามปีกับกลุ่ม “ซีพี” ผู้ชนะประมูลอย่างมาราธอนมาหลายยก ทุกครั้งก็กินเวลาเกิน 10 ชม.เพื่อให้จบในรัฐบาลนี้  ขณะนี้รถไฟเส้นทางประวัติศาสตร์ 2.2 แสนล้านบาท “จบแล้ว” รอส่งร่างให้อัยการพิจารณาและตามไทม์ไลน์จะเซ็นสัญญาวันที่ 15 มิถุนายนนี้ แต่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นรัฐบาลที่ได้จดปากกาเซ็นสัญญา โครงการเกิดได้จริงถือเป็นโครงการแรกของ “อีอีซี” ที่เห็นเอกชนลงทุนเป็นรูปธรรม และถ้าโครงการนี้ไม่เกิดอีอีซีก็เกิดยาก เพราะถือเป็นเส้นเลือดหลักของโครงการนี้ และจะเกิดการพัฒนาตามมาอีกเพียบ

          .....ถอยดีกว่า สำนักงบฯ ไม่เอาด้วยที่จะเอางบกลาง 1.5 หมื่นล้านบาท ไปแจกคนเที่ยวเมืองรองคนละ  1,500 บาท เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ เรื่องนี้รัฐบาลทำจริงก็ “บ้าจี้” ไม่ต้องโซเชียลรุมสกรัม เพราะเหมือนหมด“มุก” คิดอะไรไม่ออกก็ “แจกเงิน” คิดไรไม่ออกอีก ก็แจก “เงิน” อีกแต่เปลี่ยนไปตามวาระ มันใช่รึ กระตุ้นการท่องเที่ยวมันถึงทางตันไม่มีวิธีการอื่นแล้วหรือ โปรโมชัน แคมเปญ กิมมิก ที่จะให้คนเที่ยวคิดเป็นไหม หรือคิดไม่ออกเอาง่ายๆ ประกาศวันหยุด หยุดทีไรคนก็เที่ยว ไม่เปลืองงบประมาณด้วย

          .....แจกเงินใครๆ ก็ชอบ แต่นี่เขาวิจารณ์กันหนัก แสดงว่าคนไทยก็คิดได้เหมือนกันว่า อะไรควรอะไรไม่ควรทำ? และเรื่องนี้ดูกันจริงๆ เหมือนเป็นการปล่อยข่าว “โยนหินถามทาง”แต่พอดีคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย และนายกฯฟังก็เลย “หด” และไม่ต้องหาตัวว่าใครคิดเรื่องนี้คนในรัฐบาลที่นั่งหัวโด่อยู่กลาง ครม.นั่นแหละเจ้าของไอเดีย ที่ต้องการแคมเปญ“แรง”เร้าใจ เลยออกมาเป็นนโยบายสายเปย์  “แจกเงิน” ถูกด่าฟรีไปตามระเบียบ

          .....ที่จริง นโยบายเที่ยวเมืองรอง รัฐบาลนี้ตีปี๊บ มาสักพักแล้ว แต่ไม่เปรี้ยงปร้าง? อาจจะเป็นเพราะไม่มีอะไรสนับสนุนนอกจากนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท แต่ความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวการเข้าถึง การรองรับนักท่องเที่ยว ยังเป็นปัญหาทั้งหมด ปัญหาก็เรื่องเดิมๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขโดยมีอยู่ไม่กี่จังหวัดที่รองรับนักท่องเที่ยวได้ และบางจังหวัดก็ได้แค่เมืองผ่าน จะอัดฉีดเมืองรองกันจริงๆ ก็ต้องตีโจทย์ให้แตก จะได้ “เกาถูกที่คัน” แต่ลดหย่อนภาษี 15,000 บาท แม้จะไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่มี เจ้าของโรงแรมเมืองรอง บอกอย่างน้อยก็ช่วยธุรกิจเขาได้ระดับหนึ่ง  ททท.ก็ต้องคิด “มุก” นำเสนอมาตรการกับรัฐบาลกันต่อไป

          .....ในเมื่อรัฐบาลนี้เขาหวังพึ่งพาการท่องเที่ยวเต็มที่ เพราะประเมินแล้ว เห็นชัดว่าเศรษฐกิจทั่วโลกไม่น่าไว้วางใจ  ขณะที่การส่งออกก็ติดลบต่อเนื่อง ตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจของศูนย์พยากรณ์ต่างๆ ก็แห่กันปรับเป้า “จีพีดี” หมด เศรษฐกิจโลกก็ยังผันผวน ต้องเตรียมพร้อมรับมือปัจจัยลบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นและหันพึ่งพา กระตุ้นกำลังซื้อจากภายในประเทศ “ไทยเที่ยวไทย” ก็ยังเป็นตัวกระตุ้นได้ดี และปิดความเสี่ยงได้ดีที่สุด หากเร้าใจและเกาถูกที่คัน ยิ่งเข้าใกล้หน้าฝน เข้าโลว์ซีซัน หวังพึ่งพาต่างชาติอย่างเดียวก็เสี่ยงสูง