ค้าระนอง-เมียนมาโตต่อเนื่อง พาณิชย์จังหวัดมั่นใจไปต่อยาวทั้งปี

ค้าชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ระนอง ส่งสัญญาณดี ขยายตัวต่อเนื่องทุกเดือน สอดรับเศรษฐกิจ การค้า ลงทุนเมียนมาเติบโตขึ้น มั่นใจรักษาทิศทางตลอดช่วงที่เหลือของปี

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดระนอง สรุปข้อมูลตัวเลขการค้าชายแดนกับประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาด้านจังหวัดระนอง ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 (มกราคม-มีนาคม 2562) พบว่า ยอดการค้าโดยรวมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน จาก 2,547.24 ล้านบาท ในเดือนแรก เพิ่มเป็น 2,571.91 ล้านบาท ในเดือนถัดมา และขยับเป็น 3,063.06 ล้านบาทในเดือนมีนาคม หรือหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าก็ขยายตัวเพิ่มในอัตราถึง 19.58, 27.83 และ 28.68% ตามลำดับ

นางวนิดา อรุโนทัย พาณิชย์จังหวัดระนอง กล่าวว่า แม้จะเป็นสัดส่วนที่ไม่มาก แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการค้าชายแดนไทย-เมียนมาด้าน จ.ระนอง-เกาะสอง ถึงแนวโน้มและทิศทางที่ดีของการขยายตัวด้านการค้า อันเป็นผลจากเศรษฐกิจของเมียนมาที่ดีขึ้น การลงทุนก่อสร้างสาธารณูปโภคที่มีเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การค้าชายแดนขยายตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ และคาดว่าแนวโน้มในช่วงไตรมาสอื่น ๆ จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง

ในเดือนมีนาคม 2562 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 3,063.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา 491.15 ล้านบาท คิดเป็น19.10% และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีมูลค่าการค้ารวม 2,380.41 ล้านบาท ก็เพิ่มขึ้น 682.65 ล้านบาท คิดเป็น 28.68% แบ่งเป็นการส่งออก 1,546.11 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 135.93% หรือเปลี่ยนแปลง -8.08% และลดลง 2.71% เทียบกับเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แต่การนำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราสูงมาก จนทำให้ยอดการค้ารวมขยายตัวดังกล่าว โดยนำเข้า 1,516.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึง 70.47% ยิ่งเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขยายตัวถึง 91.71%

ทั้งนี้ เดือนมีนาคม 2562 ยังคงเกินดุลการค้า 29.16 ล้านบาท แต่ลดลงจากเดือนก่อน 763.01 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 96.32 (กุมภาพันธ์ 2562 เกินดุลการค้า 792.17 ล้านบาท) และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (มีนาคม 2561) ลดลง 768.73 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 96.35 (มีนาคม 2561 เกินดุลการค้า 797.89 ล้านบาท)

ในช่วงเดือนมีนาคม 2562 จะเห็นว่ามูลค่าการค้ารวมปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับ เดือนก่อน (กุมภาพันธ์ 2562) เพิ่มขึ้น 19.10% ทางด้านของสินค้านำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 70.47% สินค้านำเข้าสำคัญที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ได้แก่ ปลาทะเล สดหรือแช่เย็น, อุปกรณ์อื่นๆ ทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า, ปลาป่น, ปลาหมึก ทั้งตัวแช่เย็นและท่อเหล็กใช้ในการขุดเจาะปิโตรเลียม เป็นต้น

ส่วนทางด้านสินค้าส่งออกปรับตัวลดลง 8.08% สินค้าส่งออกสำคัญที่มีมูลค่าลดลง ได้แก่ นํ้ามันเครื่อง, นํ้ามันหล่อลื่น, จารบี, นํ้ามันเกียร์, นํ้ามันดีเซล,นํ้ามันเบนซิน, อุปกรณ์อื่นๆทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า, ส่วนประกอบของเครื่องจักรสำหรับการขุดเจาะ, ท่อเหล็กใช้ในการ ขุดเจาะปิโตรเลียมและแท็บ ก๊อก วาล์ว และเครื่องใช้ที่คล้ายกัน สำหรับใช้กับหลอดหรือท่อ เปลือกบอยเลอร์ แท็งก์ แวต หรือใช้กับของที่คล้ายกัน รวมถึงวาล์วลดความดันและวาล์วที่ควบคุมโดยอุณหภูมิ เป็นต้น 

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,467 วันที่ 5-8 พฤษภาคม 2562