สัมภาษณ์
จากผู้ปลุกปั้นยูนิเวนเจอร์ สู่โครงการมิกซ์ยูสชื่อดัง “ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์” บนถนนวิทยุ นับถึงวันนี้ชื่อของ “อรฤดี ณ ระนอง” สั่งสมประสบการณ์ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานถึง 13 ปี โดยบทบาทล่าสุด สวมเสื้อผู้บริหาร บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด บริษัทลูกในเครือ นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นเรื่องท้าทาย ในนามผู้เล่นเล็ก ท่ามกลางกระแสการแข่งขันรุนแรง ฝ่าด่านความยากเรื่องปัจจัยที่ดิน “แตกต่าง นอกกรอบ แต่มีความเป็นไปได้” กลายเป็นยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินธุรกิจ “ฐานเศรษฐกิจ” เจาะโปรเจ็กต์ ลิฟวิ่ง ซีเนียร์ ภูเก็ต พร้อมเป้าหมายสูงสุด และโมเดิลธุรกิจ สไตล์ นายณ์ เอสเตท
รุ่นใหญ่มองอสังหาฯ
นางอรฤดี กล่าวว่า เชื่อมั่นตลาดอสังหาฯไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะพบว่าแม้ในช่วงที่มีสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจ ประเทศมีวิกฤต การณ์ทางการเมือง กลับเป็นไม่กี่กลุ่มธุรกิจที่ยังเดินต่อได้ มีวัฏจักรการขึ้น-ลงอย่างน่าสนใจ ไม่ต่างจากขณะนี้ ที่ยอมรับว่า เอกชนต่างกังวลต่อสถานการณ์ในประเทศ ด้วยความไม่ชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาล เศรษฐกิจหดตัว ซัพพลายในตลาดค้างรอระบายอีกมาก แต่อย่างไรก็ตาม กลายเป็นจังหวะการปรับตัวและประคอง เตรียมความพร้อม เพื่อความได้เปรียบ เมื่อโอกาสมาถึง เพราะเชื่อว่าดีมานด์ในตลาดยังมีอีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนมีเงิน (ตลาดกลาง-บน) ที่เมื่อมีความจำเป็นต้องซื้อ และเกิดความมั่นใจกับสภาพคล่องของตนเอง ณ ขณะนั้นๆ จะนำเงินออกมาใช้ และเป็นโอกาสของธุรกิจอสังหาฯ
อรฤดี ณ ระนอง
ที่ดินของจำเป็น
ทำเลและโลเกชันคือหลักในการแข่งขันของอสังหาฯ ยุคนี้ แต่กลายเป็นปัจจัยที่ยากและเหนือการควบคุมมากสุดสำหรับผู้พัฒนา ซึ่งไม่ใช่รายใหญ่อย่างเรา เพราะราคาที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ หายาก การแข่งขันแย่งซื้อของแต่ละแปลงเมื่อทุนใหญ่เข้ามา รายเล็ก-รายกลาง แทบไม่มีโอกาส แต่อีกนัยเปรียบเป็นเรื่องของบุญวาสนา เพราะบางครั้งการได้มาของที่ดินบางแปลง ตัวเงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญทั้งหมด แต่กลับเป็นความพอใจจะขายของเจ้าของที่ดินนั้นๆ ซึ่ง นายณ์ เอสเตท เคยพิสูจน์มาแล้วกับการได้มาของที่ดินแปลงสวย “ศรีบุญ เรือง ศาลาแดง” ผ่านแนวคิดการพัฒนาโครงการที่มีความแตกต่าง หัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจสไตล์ นายณ์ เอสเตท
แผน-กลยุทธ์ธุรกิจ
“แตกต่าง นอกกรอบ แต่มีความเป็นไปได้” คือภาพที่บริษัทสื่อสารต่อลูกค้า ผ่านภาพจำโครงการแรกเมื่อ 6 ปีก่อน กับโครงการบ้านเดี่ยว “พาร์ค พรีว่า พระราม 9” ซึ่งถือเป็นความท้าทายแรก แต่บรรลุเป้าหมาย ผู้นำปลุกตลาดบ้านแพงใจกลางเมือง ดึงกลุ่มลูกค้าระดับบน และอยู่ระหว่างการขาย “ควอเตอร์ คอลเล็คชั่น” ใน 3 ทำเล (ทองหล่อ, สุขุมวิท31, สุขุมวิท 39) พร้อมด้วย ไลฟ์สไตล์ คอนโดฯ บนทำเลสุขุมวิท 26 ขณะที่ปี 2562 นั้นมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการ ทั้งรูปแบบร่วมทุนและพัฒนาเอง รวมมูลค่า 8 พันล้านบาท เป้ายอดขายมากกว่า 3 พันล้านบาท ทั้งหมดถูกพัฒนาด้วยแนวคิดหลัก ของการจำกัดความตัวเองว่า เป็น “บูติก ดีเวลอปเปอร์” หรือ ผู้พัฒนารายเล็กแต่นำสมัย ให้ความสำคัญกับดีไซน์ รูปแบบการใช้สอย โครงสร้างที่แตกต่างไปจากตลาด ใส่ใจกับทุกความหลากหลายของความต้องการลูกค้า ทำให้เราเริ่มเป็นที่รู้จัก “อสังหาฯวันนี้ ไม่ได้ง่าย ยิ่งทำเลไม่ดีมากพอ ก็ต้องหาสิ่งที่เหนือกว่า โปรดักต์ และรายละเอียดที่ต่างออกไปมาเป็นตัวแข่งขัน”
ก้าวต่อไปของนายณ์
ทั้งนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ (1 ใน 4 โครงการเตรียมเปิดตัว) “ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง ภูเก็ต” ผ่านการร่วมทุนบนที่ดิน 30 ไร่ เชิงเขาหาดกมลา จับเทรนด์ที่อยู่อาศัยของกลุ่มวัยเกษียณที่มีกำลังซื้อ ผสมผสานคอนโดฯ, วิลล่า ชูจุดต่างผ่านการดูแล ประสานงานด้วยโอเปอเรเตอร์ เชนจ์ชื่อดังโดยบริษัทต่างชาติ ราคาขาย 1.5-1.8 แสนบาทต่อตารางเมตร เพื่อจับกลุ่มชาวต่างชาติ ยุโรป, ฮ่องกง วัยเกษียณ คาดจะเป็นอีก 1 โครงการที่ประสบความสำเร็จและสร้างชื่อให้กับบริษัท
“เป้าหมาย 3 ปีข้างหน้า คงมีความเติบโตทั้งในแง่จำนวนโครงการและคุณภาพที่มากขึ้น แบรนด์เป็นที่รู้จัก จิ๋วแต่ต้องแจ๋ว”
หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,469 วันที่ 12-15 พฤษภาคม 2562