SCG พลิกวิกฤติวัสดุหดตัว มุ่งโซลาร์รูฟบ้าน

18 พ.ค. 2562 | 02:00 น.

คอลัมน์ผ่ามุมคิด

เมื่อตลาดปี 2562 ไม่ใช่ปีหมูของผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยไทยเท่านั้น แต่ท่ามกลางตลาดไม่ราบรื่น มีปัญหาเรื่องกำลังซื้อ ยังกลายเป็นผลกระทบต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องอย่างกลุ่มวัสดุก่อสร้าง นายธงชัย โสภณ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี หรือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ฝ่าวิกฤติ ระบุ คาดปีนี้ตลาดหดตัว หลังโครงการบ้านเกิดใหม่น้อยลง สวนทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สบช่องรัฐ จ่อออกมาตรการโซลาร์ภาคประชาชน คว้าโอกาสมุ่งเติบโตกลุ่มหลังคาหลายเซ็กเมนต์

SCG  พลิกวิกฤติวัสดุหดตัว  มุ่งโซลาร์รูฟบ้าน

ธงชัย โสภณ

วัสดุก่อสร้างทรงตัว

นายธงชัย ระบุว่าปัจจุบันตลาดวัสดุก่อสร้างในกลุ่มที่อยู่อาศัยของไทย มีมูลค่า ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นตลาดบ้านสร้างใหม่ประมาณ 70% และ ตลาดบ้านซ่อมแซมประมาณ 30% แต่อย่างไรก็ตาม พบที่ผ่านมา แนวโน้มบ้านสร้างใหม่ลดลงตามทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งสวนทางกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของรัฐ ส่งผลให้ตลาดวัสดุก่อสร้างหดตัวโดยเฉพาะในกลุ่มหลังคา

อย่างไรก็ตามแม้ในกทม.-ปริมณฑล บ้านเดี่ยวลดลง แต่กลุ่มคอนโดฯ และกลุ่มทาวน์เฮาส์กลับเติบโต จึงยังทำให้กลุ่มวัสดุด้านโครงสร้างและเหล็กยังอยู่ในระดับทรงตัว คาดการณ์ทั้งปีตลาดวัสดุก่อสร้างอาจเติบโตลดลง 2-3%

โอกาสบ้านรีโนเวต

แม้ตลาดบ้านใหม่สัดส่วนลดลง แต่พบโอกาสในกลุ่มหลังคา หลังจากความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มบ้านรีโนเวตใหม่ หรือกลุ่มที่ต้องการปรับปรุงซ่อมแซมมีมากขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ สำรวจพบบ้านอายุเกิน 10 ปี มากกว่า 18 ล้านครัวเรือน โดยเฉพาะในกลุ่มทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮมเก่าประมาณ 3 แสนหลัง ที่บางส่วนมักประสบปัญหาหลังคารั่วซึมซํ้าซาก และมีภาระค่าใช้จ่ายจากพลังงานที่สูง บริษัทเองในฐานะผู้นำของกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ เล็งเห็นความต้องการ จึงพัฒนาสินค้า บริการและโซลูชันต่างๆรองรับ จากที่ในอดีตมองข้าม

 

ตอบรับมาตรการรัฐ

นายธงชัย ยังกล่าวถึงกรณีสิ้นเดือนพฤษภาคมรัฐเตรียมออกมาตรการ “โซลาร์ภาคประชา ชน” นำร่อง 100 เมกะวัตต์แรก ให้เจ้าของบ้านและอาคารที่อยู่อาศัยที่สามารถผลิตไฟฟ้าเองได้ผ่านโซลาร์รูฟ ให้สามารถขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือเข้าสู่ระบบของรัฐได้นั้น ยิ่งเป็นโอกาสของกลุ่มวัสดุหลังคา โดยเฉพาะกลุ่มนวัตกรรมโซลาร์เซลล์ ที่บริษัทกำลังนำร่อง พัฒนาสินค้าและบริการออกสู่ตลาดแล้ว หลังจากคาดการณ์ในระยะเริ่มแรก ตลาดหลังคาโซลาร์รูฟในปัจจุบันจะมีมูลค่าประมาณ 4 พันล้านบาท ขณะที่ผู้เล่นในกลุ่มที่อยู่อาศัยมีน้อยราย ต่างจากในกลุ่มอุตสาห กรรมและโรงงานที่มีการแข่งขันคึกคัก คาดระบบประหยัดพลังงาน หลังคาโซลาร์เซลล์ เอสซีจี จะได้รับความนิยมอันดับ 1 ในตลาด รายได้ส่วนแบ่งตลาด 40-50 ล้านบาท

 

“โซลาร์เซลล์ในกลุ่มที่อยู่อาศัยเป็นโอกาส เพราะอยู่ในขั้นเพิ่งเริ่มและมีโอกาสเติบโต ประชาชนหลายรายมีความต้องการ กำลังหาผู้ผลิตที่ไว้ใจได้ เราเองมีความชำนาญเรื่องหลังคาอยู่แล้ว น่าจะเป็นหนึ่งในผู้นำเสนอที่ดีที่สุด”

 

เจาะผู้พัฒนาโครงการ

ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพูดคุยกับผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยหลายราย โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านราคาแพง เช่น บริษัท เอสซี แอสเสทฯ, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นต้น เพื่อเข้าไปให้บริการติดตั้งระบบดังกล่าวภายในโครงการให้ลูกบ้านแต่ละหลัง เพราะผู้พัฒนากลุ่มดังกล่าว มักจะมีออฟชันเสริมให้ลูกค้าเลือกสรร คาดการตอบรับสูง เช่นเดียวกับกลุ่มโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ เช่น โครงการมิกซ์ยูส และศูนย์การค้า ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงาน ก็เป็นโอกาสด้วยเช่นกัน

 

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,470 วันที่ 16-18 พฤษภาคม 2562

SCG  พลิกวิกฤติวัสดุหดตัว  มุ่งโซลาร์รูฟบ้าน