คลังจ่ออุ้มหนี้ 1.1แสนล้าน แทนขสมก.

คลังจ่ออุ้มหนี้ 1.1แสนล้าน แทนขสมก.

วันที่ 15 พ.ค. 62 นางสาวปิยวรรณ ล่ามกิจจา รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)  ที่มีการรายงานความคืบหน้าตามแผนการแก้ไขปัญหาซึ่งได้มีการปรับโครงสร้างบุคลากรใหม่และพัฒนาระบบการจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน รวมทั้งได้นำน้ำมัน B20 มาใช้กับรถทั้งหมดเพื่อลดมลพิษในกรุงเทพมหานคร และหาก ขสมก. สามารถจัดหารถโดยสารใหม่ได้ตามแผน ขสมก. จะสามารถมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี(EBITDA) เป็นบวกได้ในปี 2566 โดย กระทรวงการคลังจะพิจารณารับภาระหนี้ของขสมก.อีกครั้ง  นอกจากนี้คนร.ยังรับทราบแผนฟื้นฟูกิจการและให้ ขสมก. รับข้อสังเกตในการนำรถไฮบริดและดีเซล ไปปรับแผนการจัดหารถให้สอดคล้องกับแผนปฏิรูปเส้นทางของกรมการขนส่งทางบกด้วย

“EBITDA ของขสมก.ต้องเป็นบวกก่อน ต้องไม่มีหนี้เพิ่ม กระทรวงการคลังถึงจะรับภาระหนี้ของขสมก. จำนวน 1.18 แสนล้านบาท เพราะถ้า EBITDA เป็นบวกกระทรวงการคลังก็รับภาระตรงนี้ไป แต่ถ้ารับมาแล้วยังไปขาดทุนอีกเหมือนเดิมที่เคยยกหนี้ให้ครั้งหนึ่งแล้วในอดีตก็กลับไปเป็นหนี้ใหม่อีก ดังนั้นขสมก.ต้องทำให้มั่นใจตรงนี้ที่ต้องไม่มีหนี้อื่นเพิ่ม”

นางสาวปิยวรรณ กล่าวว่า การรับหนี้ 1.18 แสนล้านบาท ไม่ได้ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น เพราะกระทรวงการคลังช่วยค้ำประกันก็เป็นหนี้สาธารณะอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ากระทรวงการคลังกู้แล้วให้ขสมก.กู้ต่อ ขสมก.จึงมีภาระดอกเบี้ยปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท  ถ้ากระทรวงการคลังรับภาระหนี้มา ขสมก.ก็จะลดภาระดอกเบี้ยลงไป  แต่ทั้งนี้ขสมก.ต้องทำแผนฟื้นฟูแล้วดำเนินการตามแผนให้ได้ด้วย

“ซึ่งในแผนฟื้นฟูมีทั้งเรื่องของการขึ้นค่าโดยสารในปี 2563 การจัดซื้อรถใหม่ การปฏิรูปเส้นทาง การใช้ E-ticket การลดพนักงาน จะประกอบกัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นบวกในปี 2566”

นางสาวปิยวรรณ กล่าวว่า ขสมก.รายงานว่าจากการปรับขึ้นค่าโดยสารเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมามีรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะเพิ่มเฉพาะรถเมล์ร้อนและรถปรับอากาศ แต่ตามแผนของขสมก.ไม่ได้แค่รอบนี้รอบเดือน แต่จะปรับขึ้นอีกครั้งในปี 2563