ปมหุ้นสื่อ‘ธนาธร’ถึงศาล ลุ้นชวดส.ส.-จำคุก-ปรับ เว้นการเมือง20ปี-ยุบพรรค

19 พ.ค. 2562 | 03:00 น.

เพียง 4 วันนับแต่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นำทีม 80 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โหนรถเมล์ไปรายงานตัวสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ณ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ถนนเกียกกาย เมื่อวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2562

ถัดมาเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 ที่ประชุมกกต.มีมติเอกฉันท์ ส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยการสิ้นสุดสมาชิกภาพของนายธนาธร กรณีถือครองหุ้นสื่อ และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต.นำคำร้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันเดียวกัน

 

คดีหุ้น“ธนาธร”ถึงศาล

คดีหุ้นสื่อของนายธนาธร ส่งถึงมือศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยชี้ขาด จากที่มีผู้ร้องกกต.ว่านายธนาธร ขาดคุณสมบัติจากกรณีถือครองหุ้นสื่อมวลชน ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามการเป็นผู้สมัครส.ส. จนเกิดการขุดคุ้ยและตอบโต้กันไปมา แต่ในที่สุดกกต.ได้ประกาศรับรองส.ส. 498 คนเมื่อวันที่ 7-8 พฤษภาคม รวมทั้งนายธนาธรด้วยที่ให้เป็นส.ส.ไปก่อน จากนั้นจึงต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินดังกล่าว

กกต.มีมติเอกฉันท์โดยเห็นว่า จากพยานหลักฐาน บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด เป็นบริษัท ที่ระบุวัตถุประสงค์ในการยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่า ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชน อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากงบการเงินของบริษัท พบว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร ให้บริการโฆษณาซึ่งถือเป็นการประกอบธุรกิจสื่อสารมวลชน และยังคงประกอบกิจการอยู่ ไม่มีการจดทะเบียนยกเลิกบริษัทหรือเสร็จการชำระบัญชีแต่อย่างใด ขณะที่สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นหรือ บอจ. 5 ที่กกต.ได้รับจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็ยังปรากฏชื่อนายธนาธรเป็นผู้ถือ หุ้น ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2562

ปมหุ้นสื่อ‘ธนาธร’ถึงศาล  ลุ้นชวดส.ส.-จำคุก-ปรับ เว้นการเมือง20ปี-ยุบพรรค

ดังนั้น เมื่อกกต.ประกาศเปิดสมัครรับเลือกตั้งส.ส.วันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ 2562 จึงเท่ากับว่าขณะที่นายธนาธร ยื่นใบสมัครลงรับเลือกตั้ง นายธนาธร ยังถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ จึงเข้าข่ายขาดคุณสมบัติเนื่องจากเป็นบุคคลที่ห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 42(3)

แทบจะทันทีที่กกต.ส่งฟ้องคดีหุ้นสื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญ นายธนาธร เปิดแถลงที่พรรคอนาคตใหม่ทันที แต่แทนที่จะเป็นเรื่องคดีหุ้นสื่อกลับประกาศเสนอตัวชิงนายกฯ ระบุเดินหน้าสู้ถึงที่สุดที่จะปิดสวิตช์ส.ว.

ทั้งที่หลังเลือกตั้งรีบจับขั้วลงนามประกาศสัตยาบรรณ หนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ แต่หลังประกาศชื่อส.ส. ขั้วพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินหน้าชิงจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ฝ่ายต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรับกลยุทธ์หันมาชู “อภิสิทธิ์-อนุทิน” จากประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย เป็นนายกฯแทน แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับชัดเจน

การประกาศพร้อมเป็นนายกฯ ของนายธนาธร นับเป็น การส่งตัวเองเข้าสู่กระแสหลักของการขับเคี่ยวของบรรดาพรรคการเมืองและส.ส.ในเรื่องการฟอร์มรัฐบาล ขณะที่คดีหุ้นสื่อกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จะยิ่งเพิ่มความร้อนแรงทางการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

ลุ้นธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่

สำหรับไทม์ไลน์การเมืองที่กำลังเคลื่อนเข้ามา คือ

วันที่ 22 พฤษภาคม เริ่มสมัยประชุมของรัฐสภาชุดใหม่ จากนั้น วันที่ 24 พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งบรรดา 498 ส.ส. และ 250 ส.ว. ในชุดแต่งกายเครื่องแบบขาวเข้าร่วมพิธีเป็นปฐมฤกษ์

วันรุ่งขึ้นนัดประชุมประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา เมื่อได้ตัวแล้วจะมีการเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการโหวตหาตัวนายกฯ เพื่อไปจัดตั้งคณะรัฐมนตรีมาบริหารประเทศต่อไป

อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสองยังกำหนดว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว หากปรากฏ เหตุอันควรสงสัยว่าส.ส.ซึ่งถูกร้อง มีกรณีตามที่ถูกร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ให้ส.ส. ซึ่งถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วให้ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งคำวินิจฉัยนั้นไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร 

ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของส.ส.ผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ให้ถือว่าผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่แต่ไม่กระทบต่อกิจการที่ผู้นั้นได้กระทำไปก่อนพ้นจากตำแหน่ง

เท่ากับว่า นายธนาธร มีลุ้นนับแต่วันนี้ ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้ “หยุดปฏิบัติหน้าที่” หรือไม่ และถ้าสั่งจะเมื่อไหร่ จะทันได้เข้าไปร่วมนั่งประชุมในสภาเพื่อโหวตชิงนายกฯหรือไม่?

ปมหุ้นสื่อ‘ธนาธร’ถึงศาล  ลุ้นชวดส.ส.-จำคุก-ปรับ เว้นการเมือง20ปี-ยุบพรรค

 

ขั้นตอนศาลพิจารณาคดี

ทั้งนี้ ตามขั้นตอนการพิจารณาคดีเมื่อมีผู้ยื่นคำร้อง ศาลจะมีคำสั่งว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ภายใน 5 วัน นับแต่หน่วยงานธุรการของศาลได้รับคำร้อง หรือกรณีนี้คือภายในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้

อย่างไรก็ตาม กรณีคำร้องยุบพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ซึ่งเป็นกรณีเร่งด่วนและมีการประสานระหว่างหน่วยงานนั้น หลังจากกกต.เข้ายื่นคำร้องในช่วงเที่ยงวันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 นัดประชุมในช่วงบ่ายวันเดียวกัน แล้วมีมติรับคำร้องไว้พิจารณาพร้อมนัดพิจารณา

เมื่อศาลรับคำร้องใดไว้พิจารณา จะส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้อง โดยผู้ถูกร้องต้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน หรือภายในเวลาที่ศาลกำหนด จากนั้นศาลจะสั่งนัดพิจารณาคดี กำหนดประเด็น และลำดับประเด็นที่จะพิจารณา นัดไต่สวน หรือหากเป็นปัญหาข้อกฎหมายหรือเป็นว่ามีหลักฐานเพียงพอแล้ว จะสั่งงดไต่สวนก็ได้

ทั้งนี้ การพิจารณาคดีให้ใช้ระบบไต่สวน โดยให้ศาลมีอํานาจค้นหาความจริงไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ และในการวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานได้ทุกประเภท และต้องเป็นไปด้วยความรวดเร็ว

โทษ“ธนาธร”คุก-ตัดสิทธิ 

คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะส่งผลต่อตัวนายธนาธร และการเมือง โดยหากตัดสินว่าไม่ผิด นายธนาธร ก็พ้นบ่วงเดินหน้าบนถนนการเมืองต่อได้เต็มตัว

แต่หากตัดสินว่าผิดตามร้องนอกจากต้องพ้นการเป็นส.ส.แล้ว กกต.อาจต้องตามไปดูต่อ ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด มาตรา 54 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. สมัครลงรับเลือกตั้งเป็นส.ส.โดยทั้งรู้ว่าไม่มีสิทธิ ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และมาตรา 132 (3) หัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรครู้เห็น ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิด โดยไม่ยับยั้ง ให้กกต.ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญขอสั่งให้ “ยุบพรรค”

รวมถึง มาตรา 151 ผู้สมัครรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิแล้วยังสมัครรับเลือกตั้ง ระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ที่จะไปจบที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง

นับถอยหลังลุ้นระทึกได้เลย! 

รายงาน โดย ทีมข่าวการเมือง

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3471 ระหว่างวันที่ 19 - 22 พฤษภาคม 2562

ปมหุ้นสื่อ‘ธนาธร’ถึงศาล  ลุ้นชวดส.ส.-จำคุก-ปรับ เว้นการเมือง20ปี-ยุบพรรค