สงครามการค้าป่วนหุ้นไทย มาร์เก็ตแคปหายวับ 7 แสนล้าน

23 พ.ค. 2562 | 00:49 น.

สงครามการค้า” ป่วนหุ้นไทย มาร์เก็ตแคป 2 สัปดาห์หาย 7 แสนล้านบาท ทุนนอกไหล 1.6 หมื่นล้านบาท โบรกฯคาดสถานการณ์ยืดเยื้อนาน จ่อหั่นเป้าเศรษฐกิจ ชี้สหรัฐฯแบนหัวเว่ย  สะเทือนหุ้นกลุ่มมือถือ-สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จับตาผลเจรจา 2 ผู้นำปลายเดือนมิภุนายน

นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ระดับ 25% จากระดับ 10% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2562 ดัชนีหุ้นไทยในช่วงดังกล่าวถึงปัจจุบันได้ปรับตัวลดลงกว่า 70 จุด หรือ -4.23% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap)  ลดลง 7.13 แสนล้านบาท จาก วันที่ 3 พฤษภาคม อยู่ที่ 17.18 ล้านล้านบาท ลงมาอยู่ระดับ 16.47 ล้านล้านบาท วันที่ 17 พฤษภาคม  

ขณะที่ฟันด์โฟลว์ (1-20 ..) ไหลออกกว่า 15,926 ล้านบาท แต่ไหลเข้าตลาดตราสารหนี้  10,064 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิแล้ว 25,475 ล้านบาท และออกจากตลาดพันธบัตรแล้ว 22,970 ล้านบาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด  กล่าวกับฐานเศรษฐกิจว่าช่วง 2-3 เดือนนี้ ทั้งสหรัฐฯ และจีนยังคงใช้อาวุธทางการค้าสาดใส่กัน เพราะฝั่งสหรัฐฯ เองก็ยังเหลือวงเงินการขึ้นภาษีได้อีก 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากกำแพงภาษีที่ตั้งไปแล้วที่ 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  และล่าสุดโดยการแบนสินค้าจีน  Huawei 

สงครามการค้าป่วนหุ้นไทย มาร์เก็ตแคปหายวับ 7 แสนล้าน

ขณะที่จีนก็สามารถตอบโต้สหรัฐฯได้ทั้งจากการขึ้นภาษีที่เหลือ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  จากที่ขึ้นไปแล้ว 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, การแทรกแซงให้ค่าเงินหยวนอ่อน หรือขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จีนถือเป็นอันดับ 1 ถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การลดนำเข้าเครื่องบิน Boeing และแบนสินค้าสหรัฐฯ ซึ่งต้องดูกันใหม่อีกครั้งว่าการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ประชุม G20 ที่ญี่ปุ่นวันที่ 28-29 มิถุนายนนี้ ผลจะเป็นอย่างไร

 “เรายังให้นํ้าหนักเรื่องสงครามการค้าเป็นประเด็นหลักในช่วง 2-3 เดือนนี้ ส่งผลให้ SET Index แกว่งผันผวน หลุด  1600 จุดได้ ด้านปัจจัยการเมือง หลังได้รัฐบาลชุดใหม่ เชื่อว่าความ เสี่ยงในด้านการลงทุนน่าจะลดลง เพราะเมื่อเข้าสู่ระบประชาธิป ไตยแล้วก็มีขั้นตอนที่คาดหมายได้ ซึ่งในมุมนักลงทุนจะชอบสถานการณ์ที่คาดการณ์และวางแผนล่วงหน้าได้

 

 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า สถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน มีแนวโน้มที่จะยืดเยื้ออีกนาน แต่ระยะสั้นตลาดหุ้นได้ผ่านจุดพีกเรื่องนี้ไปแล้ว รวมทั้งได้สะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจบางส่วน โดยคาดว่าสำนักวิจัยต่างๆ จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจหลังจากนี้ แต่การที่ธนาคารกลางหลายประเทศได้ผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยลดดอกเบี้ยลง ช่วยส่งผลเชิงบวกต่อการลงทุน

นักวิเคราะห์เปลี่ยนมุมมอง คาดว่าสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนจะยืดเยื้อไปอีกนาน และประเมินผลกระทบ จากการที่สหรัฐฯ แบน Huawei แม้จะมีคำสั่งยกเลิกชั่วคราวไป 90 วันก็ตาม แต่ส่งผลกระทบต่ออุตสาห กรรม ในกลุ่มมือถือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์  ผู้ผลิตสินค้าชิป เห็นผลชัดเจนมากกว่าการขึ้นภาษี และไม่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์หัวเว่ย ยังส่งผลไปถึงค่ายมือถืออื่น เช่นไอโฟน  COM 7 เพราะไม่รู้ว่าจีนจะตอบโต้ในลักษณะเดียวกันหรือไม่

อย่างไรก็ดีจีนยังมีอาวุธสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตแร่แรร์เอิร์ธ (Rare earth) ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตชิปคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฮเทค ซึ่งสหรัฐฯ นำเข้าแร่ดังกล่าวจากจีนในสัดส่วนถึง 80%  ดังนั้นทันทีที่ประธานาธิบดีสี  จิ้นผิง เดินทางไปเยี่ยมโรงงานผลิตแร่ร์เอิร์ธ ที่มณฑลเจียงซี ไม่ต่างกับการส่งซิก ทำให้สหรัฐฯ ต้องยกเลิกแบนสินค้า Huawei ชั่วคราว

 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียนฯ ยังคงดัชนี 1600-1800 จุด มองตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งหลังเดือนนี้ ยังได้รับอานิสงส์จาก MSCI ปรับเกณฑ์คำนวณหุ้นใน NVDR  ที่จะมีผลในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ คาดเม็ดเงินกองทุนต่างชาติจะไหลเข้า 6-7 หมื่นล้านบาท  แม้หุ้นขนาดใหญ่ที่เข้าในการคำนวณ MSCI รอบนี้ (INTUCH- RATCH- DTAC) จะสะท้อนราคาไปแล้ว แต่ในส่วนของ Small Cap 6 ตัวที่ถูกคำนวณใน MSCI เช่นกัน ได้แก่  AEONTS, AAV, BLA, EASTW,  PSH  และ TASCO ยังสามารถเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่าสงครามการค้าถึงจุดพีกชั่วคราวไปแล้ว รอดูการเปิดเจรจาการค้ารอบใหม่ซึ่งเป็นความหวังของตลาด ถึงแม้จีนจะตอบโต้สหรัฐฯด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านําเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดิม 10% เป็น 25% วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ 1 มิถุนายนนี้ก็ตาม แต่เชื่อว่าเปิดการเจรจารอบใหม่ วันที่ 28-29 มิถุนายนนี้  จะช่วยหล่อเลี้ยงความหวังในตลาดและน่าจะช่วยกระตุกการฟื้นตัวขึ้นได้บ้างในระยะถัดไป ส่วนการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีสินค้าจีนที่เหลืออีกมูลค่า 3.25 แสนล้านดอลลาร์นั้น มองว่ายังเร็วเกินไป เพราะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 เดือนในการเปิดรับฟังความคิดเห็น และจะเริ่มใช้จริงหรือไม่คาดยังมีเวลาตัดสินใจภายใน 90 วัน

ส่วนการเมืองในประเทศการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จะเป็นปัจจัยหนุนที่เข้ามามีนํ้าหนักในช่วงครึ่งเดือนหลังต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนมิถุนายนทําให้หุ้นไทยน่าจะมีทิศทางที่แข็งแกร่ง (Outperform) กว่าตลาดหุ้นภูมิภาคนี้คาด SET Index ยังแกว่งไซด์เวย์มีเป้าหมายทดสอบที่ระดับ 1620-1630 แนวต้านบริเวณ 1665+/- จุด

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,472 วันที่ 23-25 พฤษภาคม 2562

                                                        สงครามการค้าป่วนหุ้นไทย มาร์เก็ตแคปหายวับ 7 แสนล้าน