ครม.ไฟเขียวมาตรการภาษี 3 ด้าน หนุนลดโลกร้อน ออมระยะยาว

04 มิ.ย. 2562 | 10:44 น.

ครม.เห็นชอบมาตรการภาษี 3 ด้าน หนุนเอกชนรักษาสิ่งแวดล้อม หักค่าใช้จ่าย 1.25 เท่าของรายจ่าย ที่ซื้อบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ  พร้อมขยายเวลามาตรการภาษีพี่ช่วยน้อง หวังส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยเพิ่มอีก 1 ปี  ยกเว้นภาษีรายได้ดอกเบี้ย สลากออมทรัพย์ ธอส. เหมือนกับออมสิน และธ.ก.ส. ส่งเสริมการออมระยะยาว  

                นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าซื้อบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพและได้รับการรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรม มาหักเป็นรายจ่ายได้ 1.25 เท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งภาครัฐยอมสูญเสียรายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท แต่ช่วยลดภาระในด้านการกำจัดขยะ  การส่งเสริมภาคเอกชนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อม 

ครม.ไฟเขียวมาตรการภาษี 3 ด้าน หนุนลดโลกร้อน ออมระยะยาว

               ทั้งนี้เพื่อช่วยกระตุ้นอุปสงค์การใช้พลาสติกที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ ซึ่งจะส่งผลดีในการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะขยะพลาสติกและส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพของไทยในคราวเดียวกัน รวมทั้งจะเป็นทางเลือกของการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อใช้ทดแทนพลาสติกที่สลายตัวไม่ได้ทางชีวภาพ และส่งเสริมให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการลดภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพเป็นหนึ่ง ในมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของกระทรวงการคลัง นอกเหนือจากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565

               นอกจากนั้น ครม.ยังเห็นชอบขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี ตามโครงการพี่ช่วยน้อง จากที่ครบกำหนดมาตรการไปเมื่อสิ้นปี 2561 ขยายออกไปถึง 31 ธันวาคม 2563 เพื่อส่งเสริมให้เอกชนรายใหญ่เข้ามาดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้มแข็งต่อไป โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามกฎหมายไทยที่มีสินทรัพย์ถาวรเกิน 200 ล้านบาท และการจ้างแรงงานเกิน 200 คน (เอกชนรายใหญ่) นำรายจ่ายหักลดหย่อน  2 เท่า แต่ไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่าย เพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณะประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา  เพื่อนำไปช่วยเหลือดูแล SMEs ที่มีสินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 200 ล้านบาท และการจ้างแรงงานไม่เกิน 200 คน (เอสเอ็มอีน้อง) เป็นระยะเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชี 

ครม.ไฟเขียวมาตรการภาษี 3 ด้าน หนุนลดโลกร้อน ออมระยะยาว