รับเหมาไทยอ่วม จีนกินรวบเเสนล.

ยักษ์รับเหมาจีนบุกไทยกินรวบบิ๊กโปรเจ็กต์ ถนน-ทางด่วน-ทางคู่ แสนล้าน รับเหมาไทยโวยพังแน่ รัฐบาลเปิดช่อง รัฐวิสาหกิจต่างชาติ ถือหุ้นไขว้ได้หลายบริษัท ต่อการประมูล 1 สัญญา แถมได้เงินอุดหนุน 12%

จากรัฐบาลเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ทั้งระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน รถไฟทางคู่ ระบบถนน-ทางด่วน ส่งผลให้กลุ่มผู้รับเหมาต่างชาติโดยเฉพาะจีน คว้างาน ไปครองจำนวนไม่น้อย เห็นชัดเจนจากการประมูลโครงการทางด่วนพระราม 3 ดาวคะนอง มูลค่าเกือบ 3 หมื่นล้านบาท กลุ่มผู้รับเหมาจีน กวาดงานไปมากถึง 3 สัญญาจากทั้งหมด 4 สัญญา เช่นเดียวกับอภิโปรเจ็กต์อย่าง รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ไชน่าเรลเวย์ ผนึกซีพี และพันธมิตร ดัมพ์ราคาตํ่ากว่าคู่แข่ง กว่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ รถไฟไทย-จีนซึ่งเป็นโครงการ
จีทูจี ล่าสุดผู้รับเหมาจีนได้งานไปแล้ว 4-5 สัญญา

นอกจาก กิจการของจีนจะได้เปรียบด้านเทคโนโลยี ต้นทุนวัสดุก่อสร้างและแรงงานแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนงบลงทุนจาก รัฐวิสาหกิจจีนอีกไม่ตํ่ากว่า 12% หากชนะประมูล เนื่องจากบริษัทรับเหมาของจีนมีรัฐวิสาหกิจหรือรัฐบาลจีนถือหุ้นรายละ 30% ขณะรับเหมาไทยไม่มีตัวช่วยเหล่านี้จึงทำให้เกิดการเสียเปรียบ

เปิดช่องจีนถล่มไทย

แหล่งข่าวในวงการรับเหมา ระบุว่า ผู้รับเหมาจีนทะลักเข้าแข่งขันชิงโครงสร้างพื้นฐาน ในไทย เริ่มเห็นชัดเจนนับตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมา จากกรณีรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก ขณะเดียวกัน เกิดการแข็งกร้าวจากสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ยอมรับ รัฐบาลไทยที่มาจากรัฐประหาร จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลไทยโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หันไปดึงจีนซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของไทยเข้ามาร่วมลงทุน ในรูปแบบต่างๆ อาทิ อีอีซี,โครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะมีการแก้ไข ระเบียบ จัดซื้อจัดจ้างและตราเป็นกฎหมาย เปิดช่องสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจต่างชาติ โดยเฉพาะจีน เข้ามาถือหุ้นกับผู้รับเหมาไทย ในลักษณะไขว้กันหลายบริษัท เพื่อประมูลงาน ในโครงการเดียวกัน เช่น บริษัทจีน(ก.) จอยต์เวนเจอร์กับ บริษัท ไทย (เอ) และ บริษัทจีนรายเดียวกันยังสามารถจอยต์เวนเจอร์กับบริษัท ไทย (บี) และบริษัทไทย (ซี) ได้อีก สำหรับการประมูลโครงการ ทางด่วน A เป็นต้น จึงทำให้การประมูลงานตกอยู่ในมือจีนอย่างไม่พลาดเป้า

10รับเหมาจีนจับขั้วไทย

ปัจจุบัน บริษัทรับเหมารายใหญ่ของจีนมีประมาณ 10 รายได้เข้ามาจอยต์เวนเจอร์กับผู้รับเหมาไทย อาทิ ไชน่าเรลเวย์, ไชน่าสเตท, ไชน่า ฮาเบอร์ และไชน่า เอ็นเนอร์ยี่ ซึ่งเป็นยักษ์รับเหมาด้านพลังงาน ที่ประกาศว่าเข้ามาคว้าโครงการด้านพลังงานในอีอีซี และยังสามารถแตกตัวอีกหลายบริษัท จึงไม่แปลกที่อนาคต งานจะตกอยู่ในมือของ ทุนจีน โดยเฉพาะโครงการรถไฟไทย-จีนที่โอกาสจีนจะคว้าเกือบทุกสัญญา ซึ่งล่าสุดได้ไปแล้ว 4-5สัญญา

ซุ่มจับคู่รายเล็ก-กลาง

แหล่งข่าวจาก บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท จำกัด เปิดเผยว่า รถไฟไทย-จีน ในนามบริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท จำกัด ได้ร่วมกับจีนในนามกิจการร่วมค้า CAN ร่วมแข่งประมูลและได้รับงานมาแล้ว 1 สัญญา และยังเข้าร่วมประมูลโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง อีก 1 สัญญา โดยงานรถไฟไทย-จีนนั้นได้รับงานก่อสร้างด้านงานโยธายกระดับทางรถไฟ และในส่วนสัญญาที่เหลือยังจะเข้าร่วมประมูลต่อเนื่องกันไป

ก่อนหน้านี้การประมูลโครงการทางด่วนมีการผูกขาดโดยผู้รับเหมารายใหญ่ อย่าง กลุ่ม ช.การช่าง และกลุ่มทิพากร จะได้รับงานอยู่เนืองๆ แต่ครั้งนี้่มีกลุ่มรับเหมารายกลางที่ร่วมกิจการกับจีนสามารถเบียดแทรกเข้ามารับงานหลายราย ดังนั้นงานทางด่วนจึงไม่เกิดการผูกขาดรับงานเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกต่อไป ด้านนายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีวิลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด กล่าวว่า ต้นปีนี้บริษัทได้รับงานก่อสร้างรถไฟไทย-จีน สัญญา 2.1 ไปแล้ว วงเงินกว่า 3,100 ล้านบาทล่าสุดได้รับงานโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง อีก 1 สัญญา คือสัญญา 3 วงเงิน 6,098 ล้านบาทโดยร่วมกับจีนอีกเช่นกัน

ในส่วนภาพรวมการแข่งขันของตลาดรับเหมาก่อสร้างนั้นยังมองว่าบริษัทรับเหมาไทยต้องเร่งยกระดับศักยภาพของตนเองให้สามารถร่วมแข่งขันหรือสู้ประมูลกับบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น ส่วนแนวทางหนึ่งคือการร่วมทุนกับต่างประเทศเข้าแข่งประมูลโครงการขนาดใหญ่

จี้กรมบัญชีกลาง

สำหรับ กฎหมาย ขณะ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างมองว่า กระทรวงการคลังอาจเขียนข้อความตกหล่นในกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง ที่ออกมาเมื่อ ปี2561 ว่า สนับสนุน อุตสาหกรรมก่อสร้างไทย โดยผู้รับเหมาไทยซึ่งล่าสุดนายอังสุรัสมิ์ อารีกุล นายก สมาคมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จะเข้าหารือกับกรมบัญชีกลางแก้ไขข้อความตกหล่นดังกล่าวพร้อมเสนอผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อรัฐบาลชุดใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้รับเหมาไทยให้ต่อกรกับรับเหมาต่างชาติอย่างจีน 

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,476 วันที่ 6 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2562