อย่าเดิมพันเก้าอี้ รมต.กับเศรษฐกิจและชีวิตประชาชน

06 มิ.ย. 2562 | 11:39 น.

บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3476 ระหว่างวันที่ 6-8 มิ.ย.2562

 

อย่าเดิมพันเก้าอี้ รมต.

กับเศรษฐกิจและชีวิตประชาชน

 

                ทุกฝ่ายกำลังจับตามองผลพวงจากเทรดวอร์สหรัฐฯกับจีน ที่จะลุกลามบานปลายส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรวดเร็วและหนักหนากว่าที่คาดการณ์กันไว้ โดยมอร์แกนสแตนเลย์ออกบทวิเคราะห์ล่าสุดชี้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 9 เดือนนับจากนี้ หลังจากประเมินสถานการณ์ล่าสุดท่าทีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ประกาศเก็บภาษีจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตราสูงสุด 25% จากเดิม 10% พร้อมขู่ที่จะขึ้นภาษีอีกรวมเป็น 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนแม้ผ่อนคลายภายหลัง

                จีนประกาศตอบโต้ด้วยมาตรการที่แข็งกร้าวเช่นเดียวกัน โดยเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ด้วยการเพิ่มวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นอัตรา 25% จากเดิมที่อัตรา 10% ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังส่งสัญญาณระงับการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ พร้อมออกสมุดปกขาวยึดหลักการเจรจาต้องยืนอยู่บนพื้นฐานเท่าเทียม เดินหน้าเข้าหากันและอยู่บนพื้นฐานของความสุจริต รักษาคำพูด มีเหตุผลและไม่เกรงกลัวต่อแรงกดดันใดๆ และได้เตรียมพร้อมแล้วที่จะรับกับความท้าทาย ถ้าจะคุยก็คุย ถ้าจะรบก็จะรบจนถึงที่สุด

               

                จีนเตรียมการพัฒนาไปข้างหน้า มุ่งเข็มในการพัฒนาเทคโนโลยีก้าวหน้าชัดเจน มีแผนงานเป็นขั้นตอนและเป็นระบบในการขยับปรับตัว จึงไม่ค่อยหวั่นไหวกับท่าทีสหรัฐฯ ซึ่งความท้าทายสงครามการค้าทำให้จีนก้าวไม่หยุด พร้อมสู้กับทุกความเสี่ยงและความท้าทาย เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสและพร้อมในการสร้างโลกผืนใหม่ ไม่บ่อยนักที่สื่อซึ่งเป็นกระบอกเสียงของจีนออกมาแสดงท่าทีอันเสมือนมาจากรัฐบาลปักกิ่งว่าอย่ากล่าวหาว่าเราไม่เตือนคุณเป็นสัญญาณสู้ไม่มีถอย

                แน่นอนเมื่อยักษ์ใหญ่เปิดสงครามกัน ผลกระทบย่อมเกิดขึ้นตามมากับเศรษฐกิจประเทศเล็กๆ อย่างไทย ที่ต้องเตรียมการรับมือหาทางออกให้พร้อม ล่าสุดดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกเตรียมการรับมือ และทูตพาณิชย์ที่มาร่วมประชุมพร้อมใจกันลดเป้าหมายของตัวเอง ส่งผลให้ตัวเลขเป้าหมายการส่งออกรวมปรับลดลงจาก 8% ที่วางไว้เดิมเหลือเพียงแค่เติบโต 3% ที่หลายสำนักงานยังเห็นว่าเป็นเป้าที่สูงเกินกำลัง หลังจาก 4 เดือนแรกการส่งออกลดลงติดลบทุกตลาด

                สงครามการค้ากำลังรุนแรงและขยายวง กระทรวงการคลังกำลังติดตามและพิจารณามาตรการกระตุ้น โดยพิจารณาว่าต้องใช้ยาแรงในการกระตุ้นหรือไม่ หลังจากใช้เงินกระตุ้นบริโภคผู้มีรายได้น้อยไปแล้วแต่เม็ดเงินยังไม่ขยายตัว ด้วยการใช้จ่ายเพิ่มเท่าที่ควร อันเนื่องจากมีแต่เม็ดเงินภาครัฐเมื่อใช้หมดก็หมดเลย จึงอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นที่มีเม็ดเงินใช้จ่ายการบริโภคภาคเอกชนสมทบเพื่อให้เม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจทวีคูณขึ้น เตรียมตัวเองให้พร้อม อย่ามัวแต่ทะเลาะชิงเก้าอี้รัฐมนตรีบนซากปรักหักพังของเศรษฐกิจ อย่าปล่อยให้ชะตากรรมทางเศรษฐกิจและชีวิตประชาชนเป็นเดิมพันเก้าอี้ของนักการเมือง