จ่อปิดเมืองราชบุรี-อพยพคน กู้ระเบิด7ลูกแนวรถไฟทางคู่
รฟท.เล็งปิดเมือง-อพยพคน ประกาศพื้นที่เขตอันตราย กู้ระเบิดกลางเมืองราชบุรี 7 ลูกสมัยสงครามโลก น้ำหนักรวม 2,800 ก.ก. ดึงมือกู้ระเดบิดอันดับ 1 ของโลกช่วย พร้อมสั่งปรับแบบสะพานทางรถไฟช่วงข้ามแม่น้ำ เลี่ยงจุดระเบิด เชื่อทางคู่เฟส 2 ช่วงชุมพร-สงขลา จะพบระเบิดอีกหลายจุด
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สินรักษาการผู้การว่ารถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่าจากการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ระยะที่ 1 ช่วงนครปฐม-ชุมพรนั้นมีการสำรวจพบระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อายุมากกว่า 70 ปีหลายจุด และรฟท.เชื่อมั่นว่าจะค้นพบอีกหลายจุดในการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ระยะที่ 2 ช่วง ชุมพร-สุราษฎร์ธานี-สงขลา โดยเฉพาะในพื้นที่ตามแม่น้ำสำคัญหลายแห่ง ซึ่งเป็นการทิ้งระเบิดตอนที่กองทัพญี่ปุ่นล่าถอยในยุคสงครามโลก ที่ผ่านมาการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 รฟท.ได้สำรวจพบระเบิดอยู่ 2 จุดคือ ใต้แม่น้ำกลางตัวเมืองราชบุรี จำนวน 7 ลูก และใต้ดิน บริเวณ สถานีเขาเต่า-วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1 ลูก
สำหรับความคืบหน้าในการเก็บกู้ระเบิดทั้ง 7 ลูก ที่พบในแนวก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-ชุมพรในพื้นที่ จ.ราชบุรีนั้น จะต้องทำไปพร้อมกันทีเดียว ดังนั้นจึงต้องออกประกาศตามกฎหมายการปกครอง ด้วยคำสั่งปิดพื้นที่กลางใจเมืองราชบุรี เป็นพื้นที่อันตรายควบคุมความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่รัศมีแรงระเบิด หลังจากประชุมร่วมกันแล้วจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบและเตรียมตัวต่อไป
“รัศมีระเบิดดังกล่าวค่อนข้างรุนแรงอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าจุดดังกล่าวอยู่ในเขตชุมชนที่มีทั้งค่ายทหาร ตลาดกลางเมือง วัด โรงเรียนต่างๆ บ้านพักข้าราชการและผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดจนที่อยู่อาศัยของประชาชนหลายหลังคาเรือน”
วันที่ 14 มิ.ย.จะมีการประชุมสรุปแนวทางครั้งแรก โดยมีหน่วยเก็บกู้ระเบิด (EOD) ของสามเหล่าทัพไทยคือ กองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศ เข้ามาร่วมกันศึกษาแนวทางเก็บกู้ระเบิดดังกล่าว นอกจากนี้ ประเทศไทยจะเชิญนักเก็บกู้ระเบิดที่เก่งสุดในโลกจากประเทศเยอรมัน มาเข้าร่วมทีมเก็บกู้ในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นระเบิดที่ต้องใช้เทคนิคสูงในการกู้เพราะอยู่ใต้น้ำด้วย
นายวรวุฒิกล่าวอีกว่าแนวทางการกู้ตอนนี้มี 8 วิธี สำหรับเทคนิคที่เหมาะสมในตอนนี้คือการทำลายสภาพระเบิดใต้ลำน้ำเลย โดยไม่มีการนำขึ้นมาบนบก คาดว่าจะเป็นรูปแบบ water jet ใช้แรงดันน้ำความแรงและความเร็วสูง ตัดตัวระเบิดจากใต้น้ำแยกส่วนหัวและส่วนท้ายที่มีสารเคมีออกจากกัน อย่างไรก็ตามระเบิดเป็นโมเดลที่จุดด้วยเคมี กล่าวคือระเบิดจะทำปฏิกิริยาเมื่อสารเคมีภายในไหลมารวมกันได้ โดยสารเคมีดังกล่าวจะคงสภาพตลอดไปอยู่ในระเบิด นับว่าเป็นการออกแบบระเบิดเทคนิคขั้นสูง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากในการเก็บกู้ เนื่องจากหากตัวระเบิดได้มีการขยับหรือเคลื่อนที่แล้วสารเคมีภายในทำปฏิกริยาก็จะระเบิดทันที และจะเป็นการระเบิดทั้ง 7 ลูก
ดังนั้นด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ การก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหินนั้นต้องมีการปรับแบบช่วงที่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำในตัวเมืองราชบุรี โดยจะปรับแบบเป็นสะพานแขวนที่ไม่มีเสาตอม่อในลำน้ำ ถือว่าเป็นสะพานแขวนทางรถไฟแห่งแรกที่จะเกิดขึ้นในประเทศ และจะเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของเมืองราชบุรี คล้ายกับโมเดลของสะพานแขวนพระราม 9 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานคร ซึ่งสามารถใช้เป็นแลนด์มาร์กทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดราชบุรีที่จะเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย
รายงานข่าวของรฟท.รายหนึ่งระบุว่าจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารที่มาตรวจสอบระเบิดที่พบในหลายจุดพบว่า เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นระเบิดจีพีบอมบ์ หรือระเบิด AN-M65 ขนาดน้ำหนัก 1,000 ปอนด์ หรือกว่า 400 กิโลกรัม
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจากฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้างรฟท.รายหนึ่งกล่าวว่า ปัจจุบันรฟท.อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่แนวเส้นทางภาคใต้โดยตามแผนระยะเร่งด่วนในระยะที่ 1 ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างรวมระยะทาง 421 กม. ประกอบไปด้วย ช่วงนครปฐม-หัวหิน 169 กม. ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 84 กม. ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 168 กม. แบ่งออกเป็น 5 สัญญา มูลค่าโครงการรวมกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา
สำหรับแผนระยะกลาง ระยะที่ 2 รวมระยะทาง 534 กม. ประกอบไปด้วยช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี 168 กม.และช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา 321 กม. คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติเมื่อ กพ.62 ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 45 กม. ครม.อนุมัติ มี.ค.62 อยู่ระหว่างการเตรียมประกวดราคา ส่วนเส้นทางสายใหม่อยู่ระหว่างการเร่งผลักดันเส้นทางชุมพร-ระนองและเส้นทางสุราษฎร์ธานี-พังงา-ภูเก็ต ในระยะต่อไป