ALL ลดเสี่ยง เผยที่ประชุมบอร์ดไฟเขียวแตกไลน์ลงทุนธุรกิจ Shopping Mall ใจกลางเมืองชลบุรี มูลค่าลงทุน 600 ล้านบาท รับลูกค้าพื้นที่ใกล้เคียงและอีอีซี ตั้งเป้าโกยรายได้เดือนละ 10 ล้านบาทหลังเปิดบริการปีหน้า
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทที่ผ่านมา ได้มีมติจัดตั้งบริษัทย่อย โดยมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอาคารศูนย์การค้า เดอะ นิว ฟอรั่ม พลาซ่า พร้อมก่อสร้าง ดัดแปลง อาคารศูนย์การค้า จังหวัดชลบุรี มีอายุสัญญาเช่า 29 ปี มูลค่ารวมประมาณ 600 ล้านบาท
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการสร้างอัตราการเติบโตทางธุรกิจให้ครบวงจรในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ เพื่อลดความเสี่ยงการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว และยังเป็นการสร้างรายได้ที่แน่นอนให้กับบริษัทมีความมั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในอนาคต โดยเม็ดเงินจากการลงทุนในครั้งนี้มาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทส่วนหนึ่ง และจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ดังนั้นผู้ถือหุ้นจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการเพิ่มทุนแต่อย่างใด
“การแตกไลน์ธุรกิจไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภท Shopping Mall ในครั้งนี้ บริษัทจะดึงผู้บริหารระดับมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญในการสร้างการเติบโตของรายได้ให้มีความมั่นคง จากการรับรู้รายได้จากค่าเช่า และให้บริการของศูนย์การค้า เดอะ นิว ฟอรั่ม พลาซ่า ที่จะมีทั้ง ศูนย์การค้า ค้าปลีก บนพื้นที่ 11-3-74 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่ Gross Building Area รวม 34,952 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่า (Gross Leasable Area) 11,593 ตารางเมตร โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม 2562 โดยคาดว่าเปิดแกรนด์โอเพนนิ่งอย่างยิ่งใหญ่ได้ในครึ่งปีหลังของปีหน้า” นายธนากร กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL ) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความโดดเด่นของโครงการดังกล่าวจัดเป็นจุดไฮไลท์ของเมืองชลบุรี เพราะอยู่ใจกลางเมืองชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งในอนาคตจะมีทั้ง โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสามสนามบินสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินอู่ตะเภา และสนามบินดอนเมือง รวมทั้งการพัฒนาโครงการรถไฟรางคู่จากแหล่งอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ที่เชื่อมสู่ท่าเรือแหลมฉบัง มาบตาพุด และสัตหีบ
สำหรับการขนส่งสินค้าระบบรางที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ โดยรถไฟรางคู่เข้าเชื่อมโยง และมีระบบบริการการขนส่งสินค้าแบบไร้รอยต่อ (Seamless Operation) และการขยายถนนทางหลวง และมอเตอร์เวย์ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจในอนาคตมากขึ้น
นอกจากบริษัทตั้งเป้าชิงมาเก็ตแชร์ของตลาดศูนย์การค้า และค้าปลีกในชลบุรี อีกทั้งยังคาดหวังจะเป็น Top of Mind ของลูกค้าในพื้นที่ใจกลางเมืองชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง รวมไปถึงเขตระเบียงเศรษฐกิจ EEC และคาดว่าจะจะมีรายได้จากธุรกิจ Shopping Mall หลังจากเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในครึ่งปีหลัง 2563 โดยคาดมีรายได้รวมเดือนละกว่า 10 ล้านบาท และหลังจากเปิดบริการเต็มปีในปี 2564 จะส่งผลให้มีรายได้เฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมาจากรายได้ค่าเช่า 90% และอื่นๆ อีก 10%
ดังนั้นมั่นใจว่าเป้ารายได้ใน 3 ปีจากนี้ (ปี 2562 - 2564) เติบโตอีกเท่าตัว จากปี 2562 ที่ตั้งเป้ารายได้ที่ระดับ 4,500 ล้านบาท จากการการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรมากขึ้นทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยที่ทยอยเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง และยังมีศูนย์การค้า ค้าปลีก เพิ่มเข้ามา และจากกลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุกดังกล่าวจะส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของบริษัทแตะระดับ 10,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้าได้ตามแผนที่วางไว้