กล้ามั้ย! ลุงตู่ กุดหัวคนโกงให้เหี้ยน

11 มิ.ย. 2562 | 13:44 น.

คอลัมน์ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3478 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย.2562 โดย...บากบั่น บุญเลิศ

 

กล้ามั้ย! ลุงตู่

กุดหัวคนโกงให้เหี้ยน

 

          แม้จะมีการแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีรายกระทรวงกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยุ่งขิงยังกะ “ลิงแก้แห” ของบรรดา “ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ” แต่รัฐบาล ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คงจัดการได้แม้จะฝากรอยแผลในเรื่องความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในสายตาประชาชน

          เพียงแค่นับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาลมาบริหารประเทศของ “ลุงตู่ 2” ก็ถือว่ายากเย็น กลิ่นเหม็น (หน้า) ส.ส.ขจรขจายออกไปในแทบทุกอณูของประเทศ

          หากนับ 2 ในเรื่องการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีด้วยการตั้ง “คนดี” มาบริหารบ้านเมืองไม่ได้ ปล่อยให้การเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่อง “โควตาพรรคการเมือง-ก๊วน-มุ้ง-เจ้านาย-พี่น้อง” เมื่อใด นายกฯ ลุงตู่ ก็ยกมือมานับนิ้ว รอวัน เวลา ไปสู่การยุบสภา ลาออก กันได้เลย

          เพราะ “เครดิต-ความศรัทธา-เกราะคุ้มกันทางการเมือง” จะมีความเสื่อมที่เกิดจาก “คนใกล้ตัว-นักเลือกตั้งที่ผู้คนร้องยี้” มาเร็วกว่าที่คิด

          เครดิตคนที่เด็ดขาด นักเลง ไม่ยอมงอ ผู้กล้าไม่กลัวใคร ของลุงตู่ที่เคยขลัง จะสิ้นพลังลงทันที

          แม้คนเหล่านี้จะมาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้หมาย ความว่าเขาเป็นคนดีที่สังคมปรารถนา หากแต่หลายคนที่มีชื่อโผล่ออกมานั้นสังคมกังขาในเรื่องการทำหน้าที่เป็นอย่างยิ่ง...ผมไม่จำเป็นต้องพูดลึกลงไปว่าไผเป็นไผ เพราะนายกฯลุงตู่รู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร การตัดสินใจของท่านจึงสำคัญในรอยต่อทางการเมืองของประเทศ

          ดังนั้น หากลุงตู่สามารถใช้ความเด็ดขาดสร้างภาวะผู้นำจัดการ “คลื่นใต้นํ้า” ในพรรค และกล้าแต่งตั้งคนดีมีฝีมือได้รับการยอมรับจากสังคมฝ่าด่านมาเป็น “รัฐมนตรี” เมื่อใด ความศรัทธา เชื่อมั่นจะหวนกลับมาอยู่ในใจคนอีกครา

          อย่างไรก็ดี ในวิกฤติการเมืองที่เกิดการต่อสู้คะคานอำนาจกันแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีในการทำงาน หากรัฐบาลใหม่ของนายกฯลุงตู่กล้าประกาศนโยบาย “ล้างบางการคอร์รัปชัน” ให้เห็นเป็นรูปธรรม

          ต้องเชือดตัวใหญ่ให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง ล้างบางเงินใต้โต๊ะ กุดหัวตัวการ ให้เห็นเป็นแบบอย่างเยี่ยงราชสำนัก ที่ได้สร้างบรรทัดฐานที่ดีงามไว้ ทำได้เมื่อไหร่ อยู่ยาวไปเลยลุงตู่เอ้ย!

          ทำไมเป็นเช่นนั้น เพราะปัญหาคอร์รัปชันของประเทศไทย แย่ลงมาตลอด จากอันดับที่ 61 ของโลกในปี 2544 หล่นมาเป็นอันดับที่ 80 ในปี 2551 ร่วงลงสู่อันดับที่ 88 ใน ปี 2555 ล่าสุด ปี 2561 อันดับการคอร์รัปชันของไทยมาอยู่ที่ 99 ของโลก

          ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่า ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศเรารุนแรงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในโลก ขณะเดียว กันก็ชี้ว่าการทุจริตคอร์รัปชันในบ้านเรา ไม่ใช่เรื่องของการให้สินบนหรือทุจริตเป็นครั้งคราวเสียแล้ว หากแต่ฝังรากลึกอยู่ในพฤติกรรมของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการประจำ นักธุรกิจ และประชาชน ที่ไม่เอาจริงกับการแก้ไขปัญหา และพร้อมยอมรับให้ปัญหาเกิดขึ้นแต่โดยดี เพียงแค่แลกกับความคล่องตัว หรือการได้มาซึ่งงานหรือเป้าหมาย

          ระยะที่ผ่านมา แม้รัฐบาลลุงตู่จะมีเสียงเรื่องการเรียกเงินใต้โต๊ะน้อยมากเมื่อเทียบกับรัฐบาลอื่น

          ทั้งๆ ที่มีการประมูลโครงการด้วยงบประมาณที่มากที่สุดชนิดที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำการประมูลโครงการที่ใช้งบเท่ากับรัฐบาลที่มาจากสถานการณ์พิเศษอีกแล้ว แต่ยังมีข้อครหาในเรื่องการ “อาศัยเทคนิคในข้อกฎหมายเอื้อนายทุน” กระจายตัวออกไปค่อนข้างกว้าง

          ดังนั้น การจะเรียกศรัทธาประชาชนมาไว้เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กสำหรับรัฐบาลลุงตู่ที่เสียงปริ่มนํ้าคือ ดำเนินนโยบายเรื่องใหญ่ไม่ต้องมาก แต่ต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรม จัดการกับคนฉ้อโกงให้เด็ดขาด แค่นี้เสียงยี้จะกลายเป็นเสียงชม

          นายกฯลุงตู่ต้องกล้าหาญพอที่จะไม่สนับสนุนคนมีประวัติด่างพร้อยทั้งในเรื่องผู้มีอิทธิพล คนเปื้อนมลทินโกงชาติบ้านเมือง เจ้าพ่อ มาเฟียไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาบริหารบ้านเมือง เพราะต้องตอบแทนบุญคุณโดยเด็ดขาด ต้องทำให้คนเหล่านั้นเสียสละในการที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองของไทยเป็นประเทศที่มีเกียรติ และสร้างชาติที่ไม่โกงกิน

          ประการต่อมา นายกฯลุงตู่ที่ทำงานมา 5 ปี เรียนรู้การนำพาประเทศได้อย่างดีเยี่ยม ต้องกล้าที่จะตั้งรัฐมนตรีมาดูแลงานที่เป็นภารกิจหรือยุทธศาสตร์ปราบโกง การทุจริตคอร์รัปชันเป็นการเฉพาะเจาะจงให้ได้ มิใช่ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลงานในองค์กรตามปกติ เพราะนั่นจะสะท้อนในเรื่องการขาดวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการของรัฐบาล

          หากทำได้ สถานการณ์คอร์รัปชันในประเทศไทยเปลี่ยนแน่นอน!

          เอาง่ายๆนะครับ ในแต่ละปีหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีงบประมาณและโครงการที่ต้องจัดซื้อจัดจ้างของกรมบัญชีกลาง 1.9 ล้านล้านบาท รัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง มีงบประมาณเพื่อการลงทุน 3.78 แสนล้านบาท องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7,852 แห่งทั่วประเทศ มีงบรวมกัน 7.21 แสนล้านบาท หากสกัดการคอร์รัปชันในเงินภาษีเหล่านี้ได้ ลดการรั่วไหลที่เกิดจากการแสวงการผลประโยชน์ประเทศมาใส่ตัวและพวกพ้องปีละ 15-20% ย่อมส่งผลดีต่อประเทศไทยแน่นอน

          การมีรัฐมนตรีมากำกับดูแลตรวจสอบ ป้องกัน มิให้ใครปล้นสมบัติของชาติเป็นการเฉพาะเจาะจงได้ มีแต่เสียงปรบมือกึกก้องจากสังคม

          เพราะสถานการณ์คอร์รัปชันของไทยในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาปรับแย่ลง ดัชนีมาตรฐานการควบคุมคอร์รัปชัน (Control of corruption index : CCI) ที่จัดทำโดย World Bank บ่งชี้ว่า ในปี 2017 ไทยได้คะแนน -0.39 (อยู่อันดับที่ 120 จากทั้งหมด 209 ประเทศ) ปรับตัวแย่ลงจากปี 1996 ที่ไทยได้ -0.36 คะแนน (อยู่อันดับที่ 103 จากทั้งหมด 187 ประเทศ) คะแนนที่ติดลบนั้น บ่งชี้ถึงมาตรฐานการควบคุมคอร์รัปชันไทยตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยโลก

          นอกจากนี้ การจัดอันดับโดยองค์กร Transparency International ยังพบว่า ภาพลักษณ์ด้านคอร์รัปชันของไทยก็ปรับแย่ลงเช่นกัน โดยในปี 2018 ไทยได้ 36 คะแนน (อยู่อันดับที่ 99 จากทั้งหมด 180 ประเทศ) ลดลงจากในปี 2012 ที่ไทยได้ 37 คะแนน (อยู่อันดับที่ 90 จากทั้งหมด 175 ประเทศ) โดยคะแนนยิ่งสูงหมายถึงประเทศนั้น มีคอร์รัปชันตํ่า

          ปัญหาด้านคอร์รัปชัน ถือว่าส่งผลเสียต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและความเหลื่อมลํ้าในประเทศ ทั้งรายได้ภาครัฐที่ลดลง การใช้จ่ายภาครัฐที่ด้อยประสิทธิภาพ การดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนที่ทำได้ยากขึ้น และการลดแรงจูงใจของการลงทุนภาคเอกชน ดังนั้น การลดปัญหาคอร์รัปชันจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญข้อหนึ่งในการพัฒนาไปสู่ประเทศรายได้สูงขึ้นในทางตรง

          นายกฯลุงตู่ จะกล้าเดินหน้าล้างบางคนโกงหรือไม่ ท้าทายอย่างยิ่ง แต่หากไม่กล้ารับประกัน “ทางตัน” รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อยู่ไม่ไกลแน่นอน...ขอบอก...