กสอ.เผยยอดระดมทุนจัดตั้งอินโนสเปลซไทยแลนด์เบื้องต้นทะลุ 640 ล้านบาทจากองค์กรภาคเอกชนและสถาบันการเงิน ระบุเตรียมระดมทุนเดือนกรกฎาคมประมาณ 200 ล้านบาท พร้อมสรรหาผู้บริหารระดับสูงที่มีประสบการณ์ ชี้ไม่มีปันผลให้ผู้ลงทุน
นายกอบชัย สังสิทธิ์สวัสดิ์ อธิบดี กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า จากการลงนามบันทึกความเข้าใจกับภาคีเครือข่ายองค์กรภาครัฐ-เอกชน สถาบันการเงิน และสถาบันการศึกษา รวม 30 องค์กร เพื่อร่วมกันส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น หรือสตาร์ทอัพ เพื่อเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและสตาร์ทอัพของอาเซียนนั้น ขณะนี้มีบริษัทเอกชน สนใจระดมทุนจัดตั้งบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด เบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 640 ล้านบาท สูงกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้เบื้องต้น 500 ล้านบาท เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 100 ล้านบาท , บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) 100 ล้านบาท,บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด 100 ล้านบาท, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 100 ล้านบาท
นอกจากนี้นังมีธนาคารไทยพาณิชย์ 50 ล้านบาท ,ธนาคารกรุงเทพ 50 ล้านบาท ,ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SMEDBank (ธพว.) 30ล้านบาท ,เครือสหพัฒน์ 30 ล้านบาท ,บริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 30ล้านบาท ,บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด 30 ล้านบาท บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) 20 ล้านบาท โดยทุกหน่วยงานอยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมขององค์กรเพื่อหาข้อสรุป ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงในการระดมทุนภายในเดือนกรกฎาคม และจะเริ่มระดมทุนเบื้องต้น 1 ใน 4 ของวงเงินทั้งหมด หรือประมาณ 200 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคมเช่นเดียวกัน
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานที่ปรึกษา บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) โลกยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสตาร์ทอัพหรือวิสาหกิจเริ่มต้นเป็นกลไกลในการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาต่อยอดเป็นธุรกิจที่สร้างผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศในทุกมิติ โดยบริษัท อินโนสเปซฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อน Innovative Ecosystem ที่จะเอื้อต่อการบ่มเพาะพัฒนาสตาร์ทอัพไทยให้เข้มแข็ง เติบโตได้และแข่งขันได้ในเวทีโลก เป็นรากฐานของการพัฒนาระบบเศรษฐกิจร่วมกันสร้างประโยชน์ให้กับประเทศเป็นสำคัญ
สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ MOU ครั้งนี้ เป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของทุกภาคส่วนที่จะร่วมกันสนับสนุนการดำเนินงานบริษัทโดยไม่หวังผลตอบแทน และจะนำรายได้กลับมาสนับสนุนการดำเนินการของสตาร์ทอัพตามภารกิจต่อไป โดยมีเป้าหมายจะสนับสนุนตลอดวงจรชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งขั้น Pre-Seed หรือ Seed ทั้งในกลุ่ม Deep Tech และนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ประเทศไทยมีศักยภาพ หากทำได้สำเร็จเศรษฐกิจไทยก็จะสามารถเจริญเติบโตขึ้นด้วยนวัตกรรม และสตาร์ทอัพเหล่านี้ เหมือนที่เห็นในหลายประเทศที่มีรายได้มากมายจากการนำเอาสตาร์ทอัพมาต่อยอดให้เกิดเป็นธุรกิจขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ความคืบหน้าของบริษัท อินโนสเปลซนั้น จะมีการร่วมตกลงกันอีกรอบหนึ่งระหว่างภาคเอกชนที่จะมาลงทุนถือหุ้นในบริษัท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมสัญญาร่วมทุน และเตรียมการที่จะเพิ่มทุนของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนอยู่ 1 แสนบาท โดยตั้งใจว่าจะเริ่มในระดับ 500 ล้านบาทขึ้นไปสำหรับการระดมทุน โดยทุนที่ระดมได้จะมีเป้าหมายสนับสนุนประเทศเป็นหลักในการส่งเสริมสตาร์ทอัพไม่ได้หวังผลตอบแทนทางการเงิน เพราะฉะนั้นการลงทุนนี้จะไม่มีการปันผลออกไปให้กับผู้ลงทุน แต่จะเป็นการนำเม็ดเงินนี้มาสร้างระบบนิเวศน์ มาสร้างแพลตฟอร์ม สร้างโครงสร้างพื้นฐานในการที่จะเอื้อให้สตาร์ทอัพไทยสามารถจะพัฒนาความเข้มแข็ง พัฒนาความสามารถในการแข่งขัน และได้รับการโค้ชชิ่งที่ดี เพื่อพัฒนาต่อเป็นธุรกิจได้อย่างจริงจัง
หลังจากนั้นก็จะนำเงินส่วนดังกล่าวนี้ มาจัดตั้งองค์กรขึ้นมาแบบชัดเจน มีการสรรหาผู้บริหาร โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูง ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่เคยทำธุรกิจสตาร์ทอัพ และประสบความสำเร็จสามารถที่จะสร้างธุรกิจออกมาจากนวัตกรรมได้จริงมาเป็นหัวแรงในการที่จะขับเคลื่อนบริษัท เพื่อที่จะโค้ชสตาร์ทอัพใหม่ๆของไทย อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยมี กสอ.เป็นกำลังหลักในการช่วยสนับสนุนทางด้านบุคลากร สถานที่อุปกรณ์ต่างๆ และพันธมิตรที่มาร่วมลงนามวันนี้ได้ส่งบุคคลากรเข้ามาทำงานร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม จากความร่วมมือที่ได้ลงนามไปกับฮ่องกงไซเบอร์พอร์ท จะมีการจัดเซ็กชั่นที่เป็นพิชชิ่งของสตาร์ทอัพใหญ่ของฮ่องกงในเดือนพฤศจิกายน บริษัทจะมีการคัดเลือกสตาร์ทอัพที่เหมาะสมในประเทศเพื่อไปร่วมกิจกรรม นอกจากนี้ บริษัทยังได้เริ่มเจรจากับประเทศเกาหลี และอิสราเอล เพื่อดำเนินการในลักษณะที่คล้ายกัน เพราะฉะนั้นต่อไปจะเริ่มเห็นสังคม หรือคอมมูนิตี้ของสตาร์ทอัพ โดยจะมีการบูรณาการกันมากขึ้น